มาตามสัญญา... ”พ.ต.อ.ทวี” ไม่ทอดทิ้ง “ป้านิ่ม” เหยื่อกับระเบิดสุไหงปาดี คนร้ายใจเหี้ยมวางดักในสวนยาง เจ้าตัวกำลังใจดี แม้เสียขาแต่ยังยิ้มได้ ใช้ชีวิตไม่ต่างคนปกติ ทั้งกวาดบ้าน ถูกบ้าน ซื้ออาหาร ทำกับข้าวกินเอง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ไปที่บ้านของ “ป้านิ่ม” นางประทุม นักทอง ที่บ้านโคกโก ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมอาการคุณป้าวัย 55 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเหยียบกับระเบิด ต้องถูกตัดขาทั้งสองข้าง
เรื่องราวสุดเลวร้ายไม่ต่างจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในชีวิต เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2565 ป้านิ่มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การออกไปทำงานที่สวนยางพาราตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งเธอทำเป็นปกติทุกเมื่อเชื่อวัน จะทำให้เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป
06.35 น.วันนั้น ป้านิ่มเหยียบกับระเบิดที่คนใจร้ายนำไปวางดักไว้ในสวนยางพารา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าช่วยเหลือและตรวจพื้นที่ คนร้ายที่ซุ่มรออยู่ได้กดระเบิดลูกที่ 2 จนเกิดระเบิดขึ้่นอย่างรุนแรง แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่อีโอดีเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย
ป้านิ่มเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.ทวี เคยไปเยี่ยมให้กำลังใจเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 ซึ่งในวันนั้นแทบจะไม่มีบุคคลสำคัญคนใดเคยแวะเวียนไปหา ทำให้ป้านิ่มและครอบครัวมีกำลังใจ พ.ต.อ.ทวี รับปากว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง...
“เราไม่ทิ้งกัน ทางหน่วยราชการก็มาเยี่ยมและดูแลทุกหน่วย ก็เป็นห่วงทุกคน ขอเป็นกำลังใจ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว ณ เวลานั้น ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สส.ฝ่ายค้าน และเลขาธิการพรรคประชาชาติ
ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน วันนี้ พ.ต.อ.ทวี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ก็ไม่ลืมคำสัญญา กลับมาเยี่ยมป้านิ่มอีกครั้งจริงๆ
ปัจจุบัน ป้านิ่มกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านโคกโกแล้ว แม้ตนเองจะถูกตัดขาทั้งสองข้าง ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น ไม่สามารถออกไปกรีดยางได้เหมือนเดิม แต่ป้านิ่มก็ยังสู้ชีวิต ท่ามกลางกำลังใจเต็มเปี่ยมจากครอบครัวและญาติพี่น้อง
ทันทีที่ พ.ต.อ.ทวี ไปถึงบ้าน ทั้งป้านิ่มและคนในบ้านได้พากันออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข โดยเฉพาะป้านิ่มที่นั่งรถเข็นออกมาหาด้วยตัวเอง ทำให้ พ.ต.อ.ทวี อาสาเข็นรถเข็นให้ป้านิ่มพาชมรอบบ้าน
ป้านิ่มเล่าชีวิตประจำวันของเธอให้ฟังว่า การนั่งรถเข็นไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เธอยังทำกิจวัตรต่างๆ ทุกอย่างได้เหมือนเดิม โดยป้านิ่มเล่าไปยิ้มไป หัวเราะไป แสดงให้เห็นถึงหัวใจอันเข้มแข็งของหญิงวัย 55 ปี แม้สูญเสียขาทั้งสองข้าง แต่กำลังใจไม่เคยเสียไป
“ป้าไปซื้อกับข้าวเอง เวลาไปก็จะนั่งรถเข็นสามล้อไฟฟ้า อยู่ในบ้านก็จะนั่งรถเข็น ใช้ชีวิตประจำวันบนรถเข็นตลอด ครอบครัวได้ปรับพื้นบ้านและอุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านให้เหมาะกับการนั่งรถเข็น ป้าก็จะพยายามหาอุปกรณ์หรือตัวช่วยพิเศษเพื่อให้สามารถช่วยตัวเองได้ ทำอะไรเองได้หมด เช่น เวลาจะเปิดน้ำ ก็จะมีท่อพีวีซียาวๆ ไว้ใช้ดันหัวก๊อกน้ำ เพื่อเปิดก๊อก น้ำก็จะไหล ก็สามารถล้างจานเองได้ ในห้องครัวจะปรับเตาแก๊สให้ทำกับข้าวสะดวกขึ้น ทำอะไรเองได้หมดทุกอย่าง”
คุณป้าวัย 55 ปี บอกอีกว่า ตอนกลางวันจะอยู่บ้านคนเดียวเกือบตลอด เพราะทุกคนจะเข้าสวนยาง ตั้งแต่เช้าประมาณ 6 โมงจะลงไปกวาดขยะ ถูพื้นข้างล้างก่อน แล้วค่อยขึ้นมาทำความสะอาดข้างบน เวลาอาบน้ำก็จะเข็นรถไปห้องน้ำ อาบน้ำเอง หิวก็จะทำอาหารกินเอง
“เราอยู่แบบไหนก็ได้ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ที่สำคัญจะไปวัดตลอด วันนี้ก็ไปวัดโบราณฯ (วัดโบราณสถิตย์) เมื่อวานก็ไปช่วยที่วัดประชุมชลธารา (ใน อ.สุไหงปาดี)” ป้านิ่มเล่าด้วยรอยยิ้ม
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับป้านิ่มว่า “ยังเป็นห่วงตลอด คิดถึงตลอด วันนี้จึงถือโอกาสมาเยี่ยมและมาให้กำลังใจ ได้มาเห็นการใช้ชีวิตแล้ว สามารถทำงานบ้านเหมือนเดิม ทำครัวได้เองทั้งหมดเลย ก็ขอให้มีความสุข สมหวัง และโชคดีตลอดไป”
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ท่ามกลางสถานการณ์ร้ายที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งใครได้เห็นและรับรู้เรื่องราว ก็จะมีแต่รอยยิ้มเฉกเช่นเดียวกันทุกคน...