คนร้ายลอบนำระเบิดถังแก๊สหนัก 20 กิโลฯ ฝังไว้กลางบ้าน มุ่งสังหารทหารที่กำลังช่วยสร้าง “บ้านปันสุข” ให้ผู้ยากไร้ กอ.รมน.ประณามไร้มนุษยธรรม กลัวชาวบ้านให้ความร่วมมือรัฐ เผยเจ้าของบ้านเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวลูก 3 แถมพิการ
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ไปช่วยสร้างบ้านให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านตะโล๊ะ หมู่ 2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 17 ส.ค.66 ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 4 นายนั้น
หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.ศุภฤกษ์ จำเริญนุสิต รองสารวัตรสอบสวน สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรภัทร์ พึ่งเดช รองผู้กำกับการสืบสวน (รอง ผกก.สส.) สภ.ศรีสาคร รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ศรีสาคร พ.อ.ภาณุวัฒน์ สุคชเดช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 (ผบ.ฉก.ทพ.49) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (อีโอดี) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เดินทางรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบร่องรอยระเบิดเกิดขึ้นบริเวณใจกลางบ้านที่เจ้าหน้าที่ทหารกำลังก่อสร้าง เป็นบ้านลักษณะชั้นเดียว 1 ห้อง ขนาดหน้ากว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ซึ่งได้ขึ้นโครงหลังคาด้วยไม้แปรรูป และมีการก่ออิฐบล็อกไว้ทั้ง 3 ด้าน ส่วนด้านหน้าเปิดโล่ง บริเวณกลางห้องซึ่งเป็นดินลูกรัง มีหลุมระเบิดลึก 50 เซ็นติเมตร กว้าง 1 เมตร และเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊ส น้ำหนัก 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ
ส่วนด้านขวามือของตัวบ้าน เจ้าหน้าที่ทหารได้ก่ออิฐบล็อกไว้ สูง 1 เมตร ปรากฏว่าได้พังทลายลงมาทั้งแถบ และมีเสาปูนถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายจำนวน 2 ต้น
นอกจากนี้ยังพบว่า บ้านติดกันด้านขวามือ เลขที่ 84/2 ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายบริเวณหลังคา มีเศษหลังคาและหน้าจั่วร่วงหล่นลงมากองกับพื้น เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบ
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายได้ติดตามดูพฤติกรรมของกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสร้างบ้านปันสุขมาตลอด เมื่อสบโอกาสช่วงคืนที่ผ่านมา คนร้ายได้แอบเข้าไปขุดดินลูกรังกลางห้องของบ้านที่กำลังก่อสร้าง แล้วนำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊ส น้ำหนัก 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารไปวางในหลุมที่ขุดรอไว้ แล้วใช้ดินลูกรังฝังกลบให้สภาพเหมือนปกติ เพื่อรอก่อเหตุในช่วงที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานทำการก่อสร้างบ้าน
โดยบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันสร้างให้กับ น.ส.ซารีผ๊ะ ยักมิง อายุ 47 ปี ตามโครงการสร้างบ้านปันสุข เนื่องจาก น.ส.ซารีผ๊ะ มีฐานะยากจนและสามีซึ่งเป็นทหาร เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
@@ ประณามไร้มนุษยธรรม - เจ้าของบ้านแม่เลี้ยงเดี่ยวลูก 3
ด้าน พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาคในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงว่า บ้านที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการก่อสร้างตามโครงการซ่อมบ้างปันสุข โดยหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส โครงการนี้ริเริ่มขึ้นในทุกพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่พี่น้องประชาชนซึ่งมีฐานะยากจน ไร้ที่อยู่อาศัย หรือมีที่อยู่อาศัยแต่ทรุดโทรม ยากที่จะอยู่อาศัยได้ตามสภาวะปกติ
โดยบ้านหลังดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรื้อบ้านหลังเก่า ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม และสร้างขึ้นใหม่ให้แก่ น.ส.ซารีผ๊ะ ยักมิง อายุ 47 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ไม่มีสามี แต่มีลูก 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีความพิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
การกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จะเห็นได้ว่ามุ่งประสงค์ต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่โดยไม่คำนึงว่ากำลังปฏิบัติภารกิจอะไร และทำเพื่อใคร ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้เสียสละทุ่มเทแรงกาย แรงใจ สร้างบ้าน สร้างคุณประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน กลับถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว นับว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไร้มนุษยธรรม ไม่คำนึงถึงหลักการอันดีงามของศาสนาและความสุขของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะต่อพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งมีฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำ รวมทั้งมีบุตรพิการที่ต้องดูแล
สาเหตุส่วนหนึ่งของการลอบวางระเบิดคาดว่า เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานในหมู่บ้าน ทำให้ได้รับความไว้วางใจและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดี กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงได้ลอบวางระเบิดขึ้นเพื่อสร้างความสูญเสียให้แก่เจ้าหน้าที่และสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน เพื่อที่จะไม่กล้าให้การสนับสนุนและติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนกลุ่มขบวนการต่อไปในอนาคต
@@ รดน้ำศพที่วัดสุวรรณากร 18 ส.ค.ก่อนส่งศพกลับนครศรีฯ
สำหรับกำลังพลที่เสียชีวิต คือ อาสาสมัครทหารพรานอุดมศักดิ์ เราตะพงษ์ ทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน. จะจัดพิธีรดน้ำศพที่วัดสุวรรณากร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในวันที่ 18 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. โดยมีแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน และจะส่งศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นภูมิลำเนาต่อไป โดยจะเร่งรัดดำเนินการในเรื่องสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บให้ได้รับอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และรวดเร็วที่สุด