“ดีลลับลังกาวี” เพื่อเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจากก้าวไกล เป็นเพื่อไทย ถูกเปิดเผยแบบอ้อมๆ จากสื่ออาวุโสท่านหนึ่ง ซึ่งรายการของสื่อท่านนี้มีคอการเมืองติดตามจำนวนมาก
จากนั้น ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าของฉายา “จอมแฉ” ก็ออกมาให้ข่าวซ้ำ ตอกย้ำว่าช่าวนี้เป็นความจริง
OO ข้อมูลเปิดจากเสี่ยชูวิทย์ สรุปได้แบบนี้
- มี “ดีลพิเศษ” ที่ลังกาวี สนับสนุนให้ “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้าน
- ให้ “เพื่อไทย” เป็นรัฐบาลขั้วใหม่กับ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา
- “ดีลเดิมต้องล้ม ดีลใหม่ไม่มีก้าวไกล ถึงกลับบ้านได้”
นี่คือสาระสำคัญที่เสี่ยชูวิทย์โพสต์
ข้อสังเกตก็คือ เสี่ยชูวิทย์บอกแต่เนื้อหาและเป้าหมายของ “ดีลพิเศษ” หรือ “ดีลลับ” แต่ไม่ได้บอกว่ามีใครเป็นตัวละครบ้าง
ทำให้เกิดคำถามว่า : ตัวละครเป็นใคร?
ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ได้ความว่า ตัวละครใน “ดีลลับลังกาวี” ประกอบด้วย
- คนแดนไกล
- นักธุรกิจใหญ่ด้านพลังงาน ซึ่งเป็น “นายทุน” ให้พรรคการเมืองบางพรรค
- คนมีสี
คำถามต่อมา : ทำไมต้อง “ลังกาวี”
- มีข่าวว่า ที่ลังกาวีมี “นิทรรศการการบินและการเดินเรือ” หรือ LIMA 2023 ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ค.พอดี ซึ่งมีการโชว์อาวุธด้วย
- “คนแดนไกล” ชอบนิทรรศการประเภทนี้ โดยเฉพาะ “แอร์โชว์” เคยตระเวนดูมาหลายครั้ง หลายประเทศแล้ว จึงเดินทางไป และใช้งานนี้บังหน้า พบปะกับคนสำคัญจากประเทศไทย
- มี “คนมีสี” ยศใหญ่ ปรากฏตัวด้วย โดยการไปพบปะกันในสถานที่จัดงานนิทรรศการเกี่ยวกับความมั่นคง จึงทำให้ดู “เนียนๆ” ใครถามก็อ้างได้ว่าไปดูนิทรรศการนี้
เนื้อหาของการพบปะพูดคุย ไม่มีใครรู้ แต่น่าเชื่อว่าเกี่ยวเนื่องกับการเมืองหลังเลือกตั้ง ข้อมูลของเสี่ยชูวิทย์ อ้างว่าเป็นเรื่อง “รัฐบาลขั้วใหม่นำโดยเพื่อไทย” และผลัก “ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน”
OO ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง
ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคง พบข้อเท็จจริงพิ่มเติมดังนี้
1.ในทางเปิด ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยยืนยันว่าไม่มี “ดีลลับลังกาวี”
2.ในทางปิด มีแหล่งข่าวความมั่นคงบางแหล่งยอมรับว่า มีการพบปะกันที่ลังกาวีจริง ระหว่าง “คนแดนไกล + นักธุรกิจใหญ่ด้านพลังงาน ซึ่งเป็นนายทุนให้พรรคการเมืองบางพรรค + คนมีสียศใหญ่”
แต่การพบปะเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้ง คือ ก่อนวันที่ 14 พ.ค.66
ส่วนหลังเลือกตั้ง โดยเฉพาะช่วงนิทรรศการ LIMA 2023 ไม่ยืนยันว่ามีการพบกันหรือไม่ แต่มีข้อมูลว่า “คนแดนไกล” ชอบไปชมนิทรรศการลักษณะนี้
3.ในทางปิด แหล่งข่าวความมั่นคงอีกแหล่งหนึ่งให้ข้อมูล แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา
ก่อนเลือกตั้ง มีการพบปะกันจริงที่ลังกาวี ระหว่าง “คนแดนไกล” กับ “นักธุรกิจใหญ่สายพลังงาน” แต่ไม่ยืนยันว่ามี “คนมีสี” ร่วมวงหรือไม่
หลังเลือกตั้ง “คนแดนไกล” ไปชมนิทรรศการ LIMA 2023 มี “คนมีสี” เดินทางไปร่วมงาน แต่ยืนยันว่าไม่ได้คุยการเมืองกัน และไม่ได้พบปะกันส่วนตัว
หลังเลือกตั้ง มีดีลจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วจริง แต่ไม่ได้คุยที่ลังกาวี ซึ่งรูปแบบของ “ดีลข้ามขั้ว” ตอนนี้ลงตัวแล้ว
OO ย้อน 18 ปี “ดีลลับลังกาวี - มหาธีร์เจรจาดับไฟใต้”
“ลังกาวี” เป็นเกาะเล็กในทะเลอันดามัน อยู่ในเขตของรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูลของไทยเพียงแค่ 4 กิโลเมตร สามารถลงเรือไปเที่ยวลังกาวีได้ที่ท่าเรือของจังหวัดสตูล
สัญลักษณ์ของลังกาวี คือ รูปปั้นนกอินทรีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์ของเกาะ
“ลังกาวี” เป็นบ้านเกิดของ ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย ดำรงตำแหน่ง 2 ครั้ง ครั้งแรก 22 ปี (ปี 2524-2546) และครั้งหลังตอนอายุกว่า 90 ปี (ปี 2561-2563) แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เขาพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในพื้นที่บ้านเกิดของตนเอง
“ลังกาวี” มีส่วนเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทย เพราะเคยเป็นสถานที่ “พูดคุยเจรจาดับไฟใต้” เกือบประสบความสำเร็จ เมื่อปี 2548-2549 ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ช่วงที่ไฟใต้ปะทุขึ้นมาใหม่ช่วงปีแรกๆ (หลังปล้นปืนครั้งมโหฬาร 413 กระบอก เมื่อปี 2547)
คนกลางในการเจรจา คือ ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด ซึ่งขณะนั้นเพิ่งลงจากตำแหน่งนายกฯของมาเลเซียสมัยแรกได้ไม่นาน และเป็นช่วงรัฐบาลทักษิณ โดยไฟใต้เป็นปัญหาความมั่นคงใหญ่ที่สุดในช่วงนั้น
การเจรจาที่ลังกาวี สื่อมวลชนที่ทราบข่าวเรียกขานกันว่า “ดีลลับลังกาวี” หรือ “เจรจาลับดับไฟใต้ที่ลังกาวี” กล่าวได้ว่า ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด เป็น "โต้โผใหญ่" ตัวจริง
ผลของการ "เจรจาลับ" ไม่ใช่แค่พบปะพุดคุยกับบรรดาขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนอย่างน้อย 4-5 กลุ่มเท่านั้น แต่ยังมีการลงนามในเอกสารที่เรียกว่า Peace Proposal ด้วย ที่สำคัญยังมีตัวแทนรัฐบาลไทยที่ชื่อ พล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล สมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ไปร่วมโต๊ะเจรจา
การพบปะกันระหว่าง ดร.มหาธีร์ กับแกนนำขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน เกิดขึ้นที่ "กัมปง ตก เซนิค" รีสอร์ทหรูบนเกาะลังกาวี บ้านเกิดของมหาธีร์ที่มาเลเซีย
"กำปง ตก เซนิค" ถูกระบุว่าเป็นสถานที่พบปะหารือหลายครั้งระหว่างแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ของไทยหลายกลุ่ม กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย โดยมี ดร.มหาธีร์ เป็นผู้ประสานงาน ในฐานะประธานมูลนิธิขององค์กรไม่แสวงหากำไรที่ชื่อ Perdana Global Peace Organization หรือ PGPO
การพบปะหารือเริ่มขึ้นครั้งแรกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 48 โดยมี นายอานันท์ ปันยารชุน สมัยที่ยังนั่งเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) เป็นผู้จุดประกาย และเชื้อเชิญ ดร.มหาธีร์ มาเป็น "คนกลาง" ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของอดีตผู้นำมาเลเซียผู้นี้ ซึ่งครองอำนาจรัฐยาวนานถึง 22 ปี
การพูดคุย เป็นรูปแบบที่เรียกว่า Langkawi Peace Talk มีการพบปะกันอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ตัวแทนฝ่ายความมั่นคงไทยที่ไปร่วมวงพูดคุยก็คือ พล.ท.ไวพจน์ ศรีนวล (ยศในขณะนั้น)
การลงนามในเอกสารที่เรียกว่า Peace Proposal กระทำกันในวันแห่งความรัก 14 ก.พ.2549 ผู้ร่วมลงนามคือบรรดาแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่างๆ ได้แก่ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ประธานกลุ่มเบอร์ซาตู อุสตาซมูฮัมหมัด บิน อับดุลเราะห์มาน ประธานกลุ่มจีเอ็มพี (มูจาฮีดีนปัตตานี) นายรอซี บิน ฮัดซัน รองประธานกลุ่มพูโล และ อุสตาซอับดุลเลาะห์ บิน อิสมาแอล ประธานกลุ่มบีอาร์เอ็น คองเกรส
โดยมี ดาโต๊ะ ชาซ์ริล เอสเคย์ บิน อับดุลละห์ กงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ประจำเกาะลังกาวี คนสนิทของมหาธีร์ ร่วมลงนามในฐานะ "ผู้ไกล่เกลี่ย" หรือ Mediator
Langkawi Peace Talk ยังคงเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง ทั้งที่ลังกาวี และปุตราจายา ศูนย์กลางราชการของมาเลเซีย กระทั่งนำมาสู่การจัดทำ Peace Plan หรือ "แผนสันติภาพและพัฒนาร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย" ในเดือน ก.ค.2549 และแผนดังกล่าวนี้ถูกส่งถึงมือ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น ในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน ก่อนการรัฐประหารประมาณ 1 เดือน โดยมีการนัดพบกันที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ มีผู้บริหารระดับสูงของมูลนิธิ PGPO ร่วมเป็นสักขีพยาน
แต่แผนสันติภาพฯ ก็ไม่ได้ถูกใช้ เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทุกสิ่งที่ทำมาจึงยุติลง แม้จะมีความพยายามของ ดาโต๊ะ ชาซ์ริล ที่ได้จัดทำสรุปรายงานรวม 18 บท ตั้งแต่เริ่มกระบวนการเจรจาสันติภาพ การวิเคราะห์ปัญหา จำแนกกลุ่มขบวนการ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ส่งให้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นรัฐบาลภายหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ก็ตาม แต่ก็ไม่มีการขยับขับเคลื่อนใดๆ ต่อ
ข้อสันนิษฐานหนึ่งที่วิเคราะห์กันว่าน่าจะทำให้ "แผนสันติภาพฯ" ที่มี มหาธีร์ เป็นโต้โผใหญ่ถูกพับไป ก็เพราะเชื่อว่าบรรดาแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ไปร่วมลงนามใน Peace Proposal ล้วนไม่ใช่ "ตัวจริง" ที่มีผลต่อสถานการณ์ไฟใต้รอบปัจจุบัน
OO อีกครั้งกับ “ดีลลับลังกาวี” วันนี้จุดไฟการเมือง?
18 ปีให้หลัง “ลังกาวี” ถูกกล่าวถึงในฐานะ “สถานที่จัดดีลลับ” อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเรื่องการเมือง แถมยังเกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ “คนแดนไกล” และตัวละครสำคัญของ “เกมลับสลับขั้วรัฐบาล” อีกด้วย
18 ปีก่อน “ดีลลับลังกาวี” เกือบทำให้ไฟใต้มอดดับ แต่ก็ไม่ดับ และลุกโชนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ปีนี้ 2566 “ดีลลับลังกาวี” ถ้ามีจริง จะดับไฟความวุ่นวายทางการเมืองให้มอดดับ หรือจุดไฟการเมืองไทยให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง...กันแน่?!?