พรรคประชาธิปัตย์ประกาศดัน “เบตง” สู่เมืองเศรษฐกิจการค้าชายแดนใต้ ชูระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลสู่ครัวโลกมุสลิม ทำได้จริงไม่ขายฝัน พร้อมหนุนวิสาหกิจชุมชนโคบาลปลายด้ามขวาน ด้าน “ลุงตู่” ลุยนราธิวาสช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงโค้งสุดท้าย ขณะที่ “ทวี” ควง “สุรเชษฐ์” นำทัพผู้สนับสนุน 300 คน หาเสียง อ.แว้ง ช่วย “กำนันลี”
วันอังคารที่ 9 พ.ค.66 ที่ห้องประชุม โรงแรมแกรนด์วิวแลนด์มาร์ค อ.เบตง จ.ยะลา เครือข่ายการเมืองภาคประชาชนอำเภอเบตง ได้จัดเวทีสัมมนาหัวข้อ “การพัฒนาเมืองเบตงสู่เมืองเศรษฐกิจสำคัญชายแดนใต้” โดยมีกลุ่มผู้ประกอบการ พ่อค้า นักธุรกิจ และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวอำเภอเบตงจำนวน 100 คน เข้าร่วมการสัมมนา โดยช่วงหนึ่งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ได้ขึ้นกล่าวถึงนโยบายพรรคเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ ให้เป็น “พื้นที่ความมั่นคงทางอาหารชายแดนใต้” ตามกรอบการเป็นระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เชื่อมโยงกับโครงการความมั่นคงทางอาหารสู่ครัวโลก
@@ ดันเบตงสู่เมืองเศรษฐกิจค้าชายแดน-ศูนย์กลางคมนาคม
นายอรัญ วงศ์อนันต์ ทีมยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ละเลยการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องของความยากจนของคนพื้นที่ ใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยรัฐมนตรีของพรรคได้วางนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ด้วยนโยบายความมั่นคงทางอาหารสู่ครัวโลกมุสลิม ใช้จุดแข็งของพื้นที่ ซึ่งมีทั้งทรัพยากรทางทะเลและการเกษตรที่เป็นอาชีพที่คนในพื้นที่ทำอยู่แล้ว สร้างความมั่นคงให้มากยิ่งขึ้น
“มีการส่งเสริมเรื่องการเกษตร ปลูกทุเรียน มังคุด และอื่นๆ ส่งเสริมอาชีพประมง เช่น โครงการปูทะเลโลก ที่เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ การฟื้นฟูนาร้างจำนวน 300,000 ไร่ให้กลับมาเป็นนาข้าว เพราะหลายพื้นที่มีชลประทานที่หนุนเสริมการทำนาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการส่งเสริมให้ปลูกไผ่ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล และใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีตลาดรองรับ โดยเฉพาะ อ.เบตง จ.ยะลา พรรคจะพยายามผลักดันให้เป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญ ด้วยการผลักดันด้านการคมนาคมที่รองรับการพัฒนาตามนโยบายนี้สู่ชายแดนใต้ จึงจะเรียกได้ว่ามั่นคงอย่างแท้จริง”
@@ อาหารฮาลาลสู่ครัวโลกมุสลิม ทำได้จริงไม่ขายฝัน
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เชื่อมโยงกับโครงการความมั่นคงทางอาหารสู่ครัวมุสลิมโลก เป็นโครงการที่ทำได้จริง ไม่ใช่เรื่องขายฝัน ถือเป็นนโยบายที่เหมาะสมกับสภาพของภูมิศาสตร์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นอาชีพที่คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำได้ ทำเป็น ที่สำคัญถ้าทำสำเร็จจะเป็นการพลิกฟื้นชีวิตของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่ความมั่นคงของครอบครัวอย่างถาวร
นายณรงค์ ดูดิง ผู้สมัคร ส.ส.ยะลา เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ทุกวันนี้พรรคไม่ขอเถียงกับใคร ไม่ทะเลาะกับใคร ขอเดินหน้าหาเสียง เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนเห็นผลงานที่ผ่านมาได้ชัดเจนกว่า อีกทั้งยังมีนโยบายที่พร้อมทำทันที ทำได้ไว ทำได้จริง
“เบตงเป็นบ้านเกิดของผม ในฐานะที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ขอรับรองว่าพรรคได้รับทราบสภาพพื้นที่เบตงที่มีโอกาสการพัฒนาอีกยาวไกล จึงขอแรงใจช่วยกันให้พรรคมืออาชีพได้เข้าไปเป็นรัฐบาล พร้อมทั้งขอเป็น ส.ส. เป็นปากเสียงแทนประชาชนในพื้นที่” นายณรงค์ กล่าว
@@ สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน “โคบาลชายแดนใต้”
นายชารีฟฟุดดีน สารีมิง ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะสนับสนุนกิจกรรมสร้างผลผลิตของชุมชน โดยขับเคลื่อนเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งกำลังทำอยู่ในขณะนี้ เช่น โครงการโคบาลชายแดนใต้ ที่มีการผลักดันจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในเรื่องของแหล่งเงินทุน จำนวน 1.5 พันล้านบาท เพื่อเป็นกองทุนให้เกษตรกรตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อลี้ยงโคเนื้อ 50,000 ตัว ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ผลักดันมาก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
@@ “ลุงตู่” ลุยนราธิวาสช่วยผู้สมัครหาเสียงโค้งสุดท้าย
วันจันทร์ที่ 8 พ.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยได้ขึ้นรถแห่จากจุดสตาร์ทบริเวณตลาดตรงข้ามแขวงการทางนราธิวาส พร้อมด้วยนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้ง 3 เขตของ จ.นราธิวาส ประกอบด้วย นายวัชระ ยาวอหะซัน ผู้สมัครเขต 1, นายมะหามัด ฮามี ผู้สมัครเขต 3 และนายอามีน โต๊ะนากายอ ผู้สมัครเขต 5 หาเสียงรอบเมืองในเขตชุมชนต่างๆของเทศบาลเมืองนราธิวาส
ตลอดเส้นทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง โดยมีประชาชนทั้งพุทธและมุสลิมที่ทราบข่าวมารอดักพบเพื่อโบกไม้โบกมือทักทาย พร้อมมอบดอกไม้และน้ำดื่ม รวมทั้งส่งรอยยิ้มส่งให้กำลังใจ
พล.อ.ประยุทธ์ ได้อ้อนขอคะแนนเสียงตามสไตล์ทหาร โดยบอกว่า วันที่ 14 พ.ค.นี้ อย่าลืมกาทั้งคนทั้งเขต อย่าให้เขาว่า “เป็นช้างป่วย” ขอให้ทุกคนรักษาความรักความสามัคคีเอาไว้ อยู่ท่ามกลางพหุวัฒนธรรม
“ผมรักทุกคนและทุกคนต้องช่วยกันรักษาบ้านเมืองให้เข้มแข็งต่อไป ผมจะทำต่อ ต้องหาเงินเข้าประเทศให้มากที่สุด ขอขอบคุณทุกคน เชื่อมั่นในคนใต้ว่ารักใครรักจริง ทุกคนต้องไม่ทรยศต่อแผ่นดินเกิดของเรา อย่าลืมเลือกรวมไทยสร้างชาติ ขอย้ำว่าประเทศชาติจะไปต่อได้ เพราะพวกเราเป็นแรงเชียร์”
@@ โต้เปลี่ยนบ้านเมืองใน 100 วัน 10 วัน ทำไม่ได้จริง
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังลงเครื่องบินที่สนามบินนราธิวาส ตอนหนึ่งว่า “อยากจะให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้มี ส.ส.มากที่สุด จะได้มีคะแนน มีบทบาทในสภา และใน ครม.ถ้าเราได้เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ก็จะแก้ปัญหาได้ คนไทยก็ยังคงเหมือนเดิม ยังคงรักสถาบัน เพราะฉะนั้นถ้าใครจะมาบอกว่า จะมาเปลี่ยนแปลงภายใน 100 วัน 10 วัน หรือภายในวันเดียว...โกหกแล้ว ทำไม่ได้หรอก ผมอยู่มาทำไมจะไม่รู้ว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้"
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปยัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อหาเสียงให้กับพรรคและผู้สมัครเขต 2 ของพรรค คือ นายสารี สะมะแอ ด้วย
@@ “ทวี”ควง “สุรเชษฐ์” นำทัพลุยหาเสียงแว้ง
วันเดียวกัน พรรคประชาชาติ นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ อดีตรองอธิบดีอัยการ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีต ส.ส.นราธิวาส 5 สมัย รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้ร่วมกันเดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนใน อ.แว้ง เพื่อช่วยหาเสียงสนับสนุนให้กับ นายมูหามัดรอมือลี อาแซ ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 3 เบอร์ 5 ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ชุมชนบูเก๊ะยารง หมู่ 1 ต.แว้ง อ.แว้ง โดยมีพี่น้องประชาชนกว่า 300 คน เดินทางมารับฟังนโยบาย
สำหรับ อ.แว้ง เป็นพื้นที่ฐานเสียงที่เหนียวแน่นของนายสุรเชษฐ์ ทางพรรคจึงจัดกิจกรรมลงพื้นที่เพื่อตอกย้ำก่อนเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนสับสน หรือเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคการเมืองอื่น
โอกาสนี้ นายสุรเชษฐ์ ได้ขึ้นรถขยายเสียงแห่นำขบวนของ พ.ต.อ.ทวี ไปตามถนนในเขตเทศบาลตำบลแว้ง โดยมีหัวคะแนนและพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาชาติ จำนวนกว่า 300 คน ถือธงพรรคประชาชาติและป้ายประชาสัมพันธ์พรรค รวมทั้งรูปภาพของนายมูหามัดรอมือลี ปิดท้ายขบวน ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือนและร้านค้าอยู่ริมสองฟากฝั่งถนนเป็นอย่างมาก
@@ ชูเปลี่ยนแว้งเป็นเมืองประตูเศรษฐกิจหน้าด่านไทย-มาเลย์
นายสุรเชษฐ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอให้พี่น้องประชาชนเดินทางไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงให้กับพรรคประชาชาติ ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ถ้าอยากเห็นความเปลี่ยนของ อ.แว้ง เพราะพรรคประชาชาติเป็นพรรคของคนใต้ที่เข้าใจประชาชนมากที่สุด หมดเวลาของยุคลุงตู่แล้ว 8 ปีพี่น้องประชาชนก็ยังคงเหมือนเดิม บ้านเมืองก็ยังเหมือนเดิม แถมยังทำให้ราคาสินค้าภาคเกษตรตกต่ำ จนยางพารา 3 กิโลฯ 100 และ 4 กิโลฯ 100 ส่วนบางพรรคอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตัวเองเดินไม่ค่อยไหว
“ถ้าพวกเราอยากเห็นแว้งกลายเป็นเมืองประตูเศรษฐกิจหน้าด่านไทย-มาเลเซีย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ถ้าพี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจในพรรคประชาชาติ ที่ถือว่าเป็นพรรคพหุวัฒนธรรมของคนใต้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ถ้าผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อได้เข้าไปนั่งในสภา ก็จะสามารถจัดงบลงสู่ภาคใต้บ้านเรา” รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว