สองพรรคการเมือง “ประชาธิปัตย์ - ประชาชาติ” เปิดเวทีประชันกันในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่องอีก 1 วัน ประสานเสียงไม่เอากัญชาเสรี “วันนอร์” ประกาศได้เป็นรัฐบาล ดึงกลับเป็นยาเสพติดทันที
วันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค.66 พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา โดยเป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มี.ค.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องของยาเสพติด ประชาธิปัตย์ขอประกาศยุทธศาสตร์ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ยาเสพติดต้องไม่มี กัญชาเสรีต้องยกเลิก” ในจังหวัดชายแดนใต้และประเทศไทย
นายจุรินทร์ ยังบอกด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม เนื่องจากสามารถเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชายแดนใต้ได้ครบทั้ง 13 คน 13 เขตเป็นพรรคแรก มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคจะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2548 หลังเกิดเหตุการณ์กรือเซะ-ตากใบ เมื่อปี 2547 พรรคประชาธิปัตย์ครองแชมป์ชายแดนใต้มาโดยตลอด โดยกวาดที่นั่ง ส.ส.เกือบ 100% แทบทุกครั้ง ยกเว้นการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อปี 62 ที่ได้ ส.ส.มาเพียง 1 ที่นั่งจาก 11 ที่นั่ง โดยได้ที่ปัตตานี เขต 1 และเสียแชมป์ให้กับพรรคประชาชาติ
@@ “นิพนธ์” ชู “จุรินทร์” เหมาะนั่งนายกฯ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค ปราศรัยตอนหนึ่งว่า นายจุรินทร์ มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคประชาธิปัตย์เลือกหัวหน้าพรรคมา คนคนนั้นต้องพร้อมเป็นนายกฯ
“นายจุรินทร์เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง และสามารถจัดการแก้ไขปัญหาที่ค้างคาสะสมได้ทั้งหมดทุกตำแหน่งที่ไปนั่ง อีกทั้งยังคิดงานใหม่ๆ ที่ประชาชนได้ประโยชน์มหาศาล และฝากผลงานมาถึงปัจจุบัน อย่างเช่น นโยบายเรียนฟรี ตอนไปนั่งกระทรวงศึกษาธิการ การจัดให้การแข่งขันฟุตบอล “โปรวิเชี่ยน ลีก” จนมาเป็นฟุตบอลอาชีพในปัจจุบันที่เรียกว่า “ไทยแลนด์ ลีก” หรือแม้แต่โครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระทั่งการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ฉะนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจนายจุรินทร์ และเลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ” นายนิพนธ์ กล่าว
@@ “ประชาชาติ” โต้กระแสโจมตี ยันไม่ใช่พรรคก่อการร้าย
ด้านพรรคประชาชาติ จัดเวทีปราศรัยพบปะประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งเขต 1 จ.ปัตตานี ที่โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี โดยมีประชาชนและแฟนคลับตามไปฟังล้นห้องประชุม ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีน
การจัดปราศรัยครั้งนี้ของพรรคประชาชาติ เป็นการจัดต่อเนื่องวันที่ 3 หลังจากวันศุกร์จัดในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา วันเสาร์จัดที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ชนกับพรรคประชาธิปัตย์ และวันอาทิตย์จัดที่ อ.เมืองปัตตานี
กิจกรรมปราศรัยมีแกนนำขึ้นเวทีคับคั่ง ทั้ง พล.ต.ท.พัฒนวุฒิ อังคะนาวิน ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค
พล.ต.ท.พัฒนวุฒิ กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า พรรคประชาชาติเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความผาสุกในสังคมพหุวัฒนธรรม ไม่ใช่พรรคของกลุ่มคนสุดโต่งตามที่มีคนไม่หวังดีกล่าวร้าย บ้างก็กล่าวหาว่าพรรคประชาชาติเป็นพรรคของกลุ่มก่อการร้าย ตนในฐานะอดีตตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขอยืนยันว่าพรรคการเมืองพรรคนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
@@ ลั่นเป็นรัฐบาลดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวบนเวทีเช่นกันว่า ในอดีตตนเคยเป็นอาจารย์มุสลิมที่นำเด็กไทยพุทธไปศึกษาธรรมที่สวนโมกข์ (สวนโมกขพลาราม ก่อตั้งโดย ท่านพุทธทาสภิกขุ) ตนเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง และดูแลผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการทั้งประเทศ ถ้าตนเป็นคนไม่ดีจะดูแลข้าราชการทั่วประเทศได้อย่างไร
หัวหน้าพรรคประชาชาติยังประกาศบนเวทีว่า “สิ่งที่ผมจะทำหากได้ร่วมรัฐบาลคือ การนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด และประกาศสงครามกับยาเสพติด เพราะยาเสพติดเป็นภัยร้ายที่สุดที่มาทำลายชีวิตลูกหลานเรา ใครที่ไม่เห็นด้วยกับยาเสพติดขอให้เลือกพรรคประชาชาติ ส่วนใครที่เห็นด้วยกับกัญชาหรือยาเสพติด ก็ไม่ต้องเลือกพรรคประชาชาติ ผมไม่กลัวจะเสียคะแนน แต่ผมกลัวลูกหลานเราจะเสียคนมากกว่า”
@@ คาดเคาะ “วรวิทย์ บารู” สู้ศึก
สำหรับการเปิดเวทีปราศรัยที่เขต 1 ปัตตานี มีหลายฝ่ายจับตามองว่า พรรคประชาชาติจะเลือกใครลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. เพราะที่ผ่านมาเปิดตัว 2 คน คือ ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ปัตตานี เมื่อปี 62 แต่ได้ที่ 2 กับ นายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ รองนายก อบจ.ปัตตานี
พ.ต.อ.ทวี กล่าวเรื่องนี้ว่า ขณะนี้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ส่งรายชื่อมายังพรรค เพื่อทำ “ไพรมารี่ โหวต” ในแต่ละเขตแล้ว ปัตตานีมี 5 เขต มีผู้สมัครชัดเจนแล้ว 4 เขต ส่วนเขตที่เกิดขึ้นมาใหม่ (เขต 5) ต้องประชุมกันอีกเล็กน้อย เพราะต้องรอผลโพลสำรวจความเห็นประชาชนก่อน
“ประเด็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปัตตานี เขต 1 วันนี้ก็เปิดตัวชัดเจนแล้ว ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็จะขอประชุมกันอีกสักครั้งหนึ่ง และจะขอให้หัวหน้าพรรคพูดเอง เมื่อชัดเจนแล้วเราจะต้องเป็นเอกภาพ ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น เพราะไม่ใช่เลือกแค่ให้ได้เป็น ส.ส. แต่เราเลือกเพื่อเอาความสุขคืนกลับมาแก่ประชาชน” เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี มี ผศ.ดร.วรวิทย์ ซึ่งเปิดตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ปัตตานี ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ จึงมีความเป็นไปได้ว่า พรรคน่าจะเคาะเลือก ผศ.ดร.วรวิทย์ เป็นผู้สมัคร
@@ “ภูมิใจไทย” เร่งแก้เกมถูกรุมกินโต๊ะ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาชาติ ชูประเด็นหาเสียงไม่เอา “กัญชาเสรี” ซึ่งสอดคล้องกับกระแสของคนในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ที่มองว่า “กัญชา” เป็นยาเสพติด และเป็น “หะรอม” หรือสิ่งต้องห้าม ไม่ได้รับอนุญาตตามหลักศาสนา
การหาเสียงด้วยประเด็นนี้ จึงเท่ากับเป็นการ “ปิดประตูตีแมว” หรือ “รุมกินโต๊ะ” พรรคภูมิใจไทย ซึ่งคาดหวังได้ ส.ส.ในพื้นที่ชายแดนใต้เช่นกัน
โดยในการเลือกตั้งปี 62 พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.มา 1 คน 1 เขต จาก จ.ปัตตานี ส่วนในการเลือกตั้งปี 66 ได้มีการมอบหมายให้ นายสิรภพ ดวงสอดศรี หรือ “พี่ใหญ่” ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนใต้ และแต่งตั้งให้ นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส 4 สมัย วางยุทธศาสตร์หาเสียงในพื้นที่นราธิวาส ซึ่งมีเขตเลือกตั้งถึง 5 เขต มี ส.ส.ได้ 5 คน
ส่วนแม่ทัพภาคใต้ทั้งภาค คือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สามีของ “เจ๊เปี๊ยะ” นาที รัชกิจประการ บ้านใหญ่แห่งเมืองพัทลุง
ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยถูกโจมตีเรื่อง “กัญชาเสรี” มาโดยตลอด และกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา คือ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ก็ถูกเตะสกัดจนไม่ผ่านสภา ทำให้พรรคภูมิใจไทยตกเป็นเป้า ส่งผลให้ทางพรรคต้องเร่งแก้เกม ทั้งออกป้ายประชาสัมพันธ์ชี้แจงเป็นภาษาไทยและภาษายาวี มีภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนเฉพาะ “กัญชาทางการแพทย์” ไม่เคยสนับสนุน “กัญชาเสรี”
ขณะเดียวกันก็ใช้วิธีเปิดปราศรัยย่อยตามชุมชนและมัสยิด เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ในระดับรากหญ้าด้วย โดยมี นายนัจมุดดีน เป็นผู้ประสานงานและร่วมเดินสายกับทีมงานของพรรค