รมว.ทส. “วราวุธ ศิลปอาชา” ลงพื้นที่นราธิวาส ติดตามความคืบหน้าขุดลอกคลองสุไหงปาดีแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ทำชาวบ้านทำมาหากินลำบาก ส่วนปัญหาที่ดินทับซ้อนป่าสงวน สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยชาวบ้านรวบรวมหลักฐานนำเข้า ครม.ปลดออกจากเขตอุทยานฯ ให้ชาวบ้านได้ถือสิทธิครอบครอง ขอบคุณ “พ.ต.อ.ทวี” เก็บข้อมูลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนส่งถึงกระทรวง แซวคนนราฯ ได้ ส.ส.ดีขนาดนี้ ต้องรักษาไว้ให้นานๆ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันจันทร์ที่ 23 ม.ค.66 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. ได้เดินทางไปยังวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา แสงเทียน ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 สาขานราธิวาส ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ นายวราวุธ ได้เข้ากราบนมัสการ พระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธาราด้วย
โดย นายวราวุธ ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก และที่ดินทำกินของประชาชนทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านได้ถือครองมาก่อนหลายชั่วอายุคน และได้มีการร้องทุกข์ผ่านพรรคประชาชาติเพื่อให้หาแนวทางช่วยเหลือร่วมกับทาง ศอ.บต. โดยมี พระเทพศีลวิสุทธิ์ เป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหา
ในเบื้องต้นจากความร่วมมือของทุกฝ่ายสามารถแก้ไขปัญหาไปได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน โดยทางกรมชลประทานได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ทำการขุดลอกคลองสุไหงปาดีสายเก่าที่ต่อเชื่อมกับคลองสายใหม่ ขุดลอกไปแล้ว 2.6 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 1.6 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 6 กิโลเมตร หากสามารถขุดลอกคลองได้เพิ่มเติม จะสามารถแก้ไขปัญหาพื้นที่นาที่ถูกน้ำท่วมขังจนกลายสภาพเป็นนาร้างได้ ซึ่งต้องใช้งบประมาณอีก 9.6 ล้านบาท เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถช่วยระบายน้ำที่ท่วมขังพื้นที่นา ทำให้ชาวบ้านสามารถกลับมายึดอาชีพทำหน้าได้อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนปัญหาเรื่องที่ดินทำกินทับซ้อนกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติ เขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ซึ่งมีชาวบ้านถือครองที่ดินเอกสาร สค.3, สค.1 (ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน) และ กสน.5 (หนังสือแสดงการทำประโยชน์ ในกรณีที่ได้รับการจัดที่ดินในนิคมสร้างตนเองหรือสหกรณ์นิคม) จำนวน 8 หมู่บ้าน ใน ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี รวม 1,528 ราย เนื้อที่ 11,765 ไร่ แต่ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับชาวบ้าน 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2518 และ ปี พ.ศ. 2533 นั้น ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดเวทีประชาคมกับชาวบ้าน พบพื้นที่ 5 จุด เนื้อที่โดยรวมเพียง 2 งานเท่านั้นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ ด้วยการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อปลดพื้นที่ดังกล่าวออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ชาวบ้านสามารถออกเอกสารสิทธิ์ถือครองที่ดินได้อย่างสมบูรณ์
ในเรื่องนี้ นายวราวุธ ได้สั่งกำชับให้ปลัดกระทรวง ทส. สั่งการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วน โดยพื้นที่ทั้งหมดครอบคลุมถึง 20,000 ไร่ ประมาณ 8 หมู่บ้าน 1,000 ครัวเรือน ทั้งใน อ.ตากใบ อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
นายวราวุธ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ทำเรื่องร้องและนำเอาความเดือดร้อนของชาวนราธิวาสให้พวกเราชาวกระทรวงทรัพย์ฯ ได้รับทราบ เป็นเหตุให้พวกเราเร่งลงมาที่สุไหงปาดีในวันนี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่พวกเราได้รับการบ้าน แต่สิ่งที่คิดว่าเร่งด่วนและสามารถทำได้ทันที คือการขุดลอกคลองที่เหลืออีกประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาน่าจะเดือนสองเดือนจะเรียบร้อย”
“ส่วนเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่ทำกิน โดยประเด็นพื้นที่ทับซ้อนที่พี่น้องประชาชนอยู่มาก่อนจำเป็นต้องได้อยู่ อะไรที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงทรัพย์ฯ พวกเราจะทำอย่างเร่งด่วนที่สุด อะไรที่อยู่นอกเหนือจากกระทรวงทรัพย์ฯ เราจะเร่งติดต่อและดำเนินการให้ทันที”
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงการประสานงานกับพรรคประชาชาติในการแก้ปัญหาให้ประชาชนว่า “การทำงานของพวกเรา พี่ทวี (พ.ต.อ.ทวี) อยู่ฝ่ายค้าน ผมอยู่ฝ่ายรัฐบาล แต่ว่าความเดือดร้อนของพี่น้อง ชาวสุไหงปาดี นราธิวาส เราไม่แบ่ง 3 ปีที่ผ่านมา พี่ทวีได้ประสานงานกับพวกเรากระทรวงทรัพย์ฯ มาโดยตลอด และทุกๆ พื้นที่ ทุกๆ คำขอ เราจะดำเนินการอย่างเต็มที่”
“เขาบอกอยู่คนละพรรคแต่พวกเดียวกัน ดีกว่าอยู่พรรคเดียวกันแล้วอยู่คนละพวก คนนราธิวาสน่าอิจฉาจริงๆ นอกจากมีน้ำ มีป่า มีภูเขา มีทะเลที่สมบูรณ์แล้ว ยังมี ส.ส.ที่เก่งอีก ไม่ใช่เรื่องง่าย รักษาไว้ให้ดี อย่าให้ใครแย่งไปได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวผมจะแย่งพี่ทวีไปจากประชาชาติ แต่อันนี้คือความสวยงามของพรรคการเมืองไทย อยู่พรรคไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราได้ทำงานให้กับประชาชน”
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงปัญหาที่ดินทับซ้อนเขตป่าสงวนฯว่า จุดเริ่มต้นของการขีดเส้นแบ่งแนวเขตก็ผิดแล้ว ทราบว่านั่งขีดเส้นบนโต๊ะ ความจริงกฎหมายก็ดี แต่น่าจะทบทวนการขีดเส้นแนวเขตใหม่
จากนั้นนายวราวุธ และคณะ ได้เดินทางไปพบปะชาวบ้านที่เดือดร้อนในพื้นที่ โดยมี นายมะหามัด ฮามิ สมาชิกสภา อบจ.นราธิวาส เขต 2 อ.สุไหงปาดี เป็นตัวแทนชาวบ้านหมู่ 6 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ยื่นหนังร้องทุกข์ต่อนายวราวุธ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านอีก 1 กรณี โดยที่ดินของชาวบ้านที่มี นส.3ก (หนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน) แต่ปัจจุบันนี้ที่ดินดังกล่าวกลับไปอยู่ในเขตป่า ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ ได้ แถมไม่สามารถแบ่งให้กับบุคคลให้ครัวเรือนได้ หลังจากที่ได้รับมรดกตกทอดจากพ่อแม่
ทันทีที่ได้รับหนังสือร้องทุกข์ นายวราวุธได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเช่นกัน
ต่อมา นายวราวุธ และคณะ ได้เดินทางไปยังบ้านน้ำท่า หมู่ 11 ต.สุไหงปาดี เพื่อพบปะกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และที่ดินทับซ้อนกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติ เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 600 คน ซึ่งนายวราวุธได้รับปากกับชาวบ้านว่า ปัญหาทุกอย่างที่ชาวบ้านเดือดร้อน ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนระเบียบของทางราชการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนสามารถถือครองที่ดินทำกินได้ดั่งเดิมที่สืบทอดมรดกจากบรรพบุรุษ
ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในที่ดินทำกินนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 6 กิโลเมตรนั้น ได้สั่งการให้ผู้รับผิดชอบเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และก่อนเดินทางกลับ นายวราวุธ ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินการขุดลอกคลองสุไหงปาดี ซึ่งแล้วเสร็จไปแล้ว 2.6 กิโลเมตร โดยมีเจ้าหน้าที่กรมชลประทานนราธิวาส บรรยายสรุปถึงโครงการดังกล่าวที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้แบบเป็นรูปธรรม