แม่ทัพภาค 4 ยืดอกขอโทษผู้ปกครอง รด. ฝึกหนักจนป่วยถึงขั้นไตวายเฉียบพลัน ให้คำมั่นจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอย ส่วนผลสอบครูฝึกถึงมือเร็วๆนี้ พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย รับปากผู้ปกครองชดเชยเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปจากการเดินทางเข้า-ออกโรงพยาบาล
หลังเกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นกระแสวิจารณ์ไปทั่วประเทศ คือการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ที่ จ.นราธิวาส ฝึกหนักถึงขั้น นศท.ชั้นปีที่ 1 มีอาการป่วย ต้องหามส่งโรงพยาบาลถึง 23 คน และมี 8 คนมีอาการไตวายเฉียบพลัน ต้องล้างไต และพ่อแม่ผู้ปกครองต้องสละเวลามาเฝ้าไข้บุตรหลาน ขณะที่ฝ่ายกองทัพพยายามแสดงความรับผิดชอบ ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาล และสั่งสอบสวนครูฝึกนั้น
ล่าสุด พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อติดตามดูอาการและเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจผู้ปกครองและ นศท.ชั้นปีที่ 1 จำนวน 17 คนที่รักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลแห่งนี้ โดยทั้ง 17 คนล้มป่วยจากการฝึกจนมีอาการเนื้อลายสลาย และบางส่วนมีอาการไตวายเฉียบพลัน หลังเข้ารับการฝึกวิชาทหาร ณ ศูนย์ฝึกย่อยวิชาทหารโรงเรียนนราธิวาส โดยมี นพ.อโณชา สนธิกนก รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์, พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ น.ท.อำนาจ ภู่ทอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือที่ 33 (ผบ.ฉก.นย.ทร.33) ร่วมคณะเข้าเยี่ยมอาการ นศท.ทั้ง 17 คน
ระหว่างการเยี่ยม นศท.แต่ละคน พล.ท.ศานติ ได้กล่าวขอโทษผู้ปกครองและ นศ. กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้สอบถามอาการของเด็กทุกคน ปรากฏว่าทุกคนมีขวัญกำลังใจที่ดี และเมื่อหายจากอาการป่วย จะเข้ารับการฝึกวิชาทหารต่อ
ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 4 รับปากจะรื้อแผนการฝึกทั้งหมดเพื่อวางมาตรการความปลอดภัย จะมีการตรวจเช็คระบบร่างกายของ นศท.โดยเฉพาะการตรวจปัสสาวะ ซึ่งตั้งไว้ 4 ระดับ หากพบมีสีเข้มจากปกติ จะมีการอนุญาตให้พักและดื่มน้ำ เมื่อร่างกายพร้อมจะทำการฝึกต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแม่ทัพขอรับผิด
จากท่าทีของแม่ทัพภาคที่ 4 ทำให้ผู้ปกครองที่เฝ้าไข้ รวมทั้งเด็กที่ป่วยต่างมีสีหน้าที่สดใส มั่นใจในคำพูดที่แม่ทัพได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ หลังจากแม่ทัพภาค 4 เยี่ยมอาการ นศท.ที่ป่วยทั้ง 17 คน ได้มีการมอบกระเช้าเพื่อปลอบขวัญและเป็นกำลังใจ
สำหรับ นศท.ชั้นปีที่ 1 ที่ล้มป่วยจากการฝึก มีจำนวน 23 คน ซึ่งมีทั้งอาการกล้ามเนื้อสลายและไตวายเฉียบพลัน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรือเสาะ 5 คน โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 18 คน ล่าสุดมีอาการดีขึ้นจนแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านพักแล้ว 6 คน แยกเป็นโรงพยาบาลรือเสาะ 5 คน และโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 1 คน เหลือนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์แห่งเดียวเพียง 17 คนเท่านั้น
และในช่วงเย็นของวันที่แม่ทัพไปเยี่ยมไข้ แพทย์ได้อนุญาตให้ นศท.กลับบ้านอีก 3 คน เหลือรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อีก 14 คน โดย นศท. 8 คน จาก 14 คน ยังคงต้องทำการฟอกไตหรือล้างไตที่แพทย์ต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด
@@ รับปากดูแลค่าใช้จ่าย-ชดเชยพ่อแม่ผู้ปกครอง
พล.ท.ศานติ กล่าวว่า ดูแววตาเด็กๆ ทุกคนดีขึ้นมาก วันนี้เด็กๆ ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกหลายคน และวันสองวันนี้ก็ได้ออกอีก คือทยอยหายป่วย
“ผมได้ถามเด็กทั้ง 17 คน เด็กสู้ต่อทุกคน ผมจะรื้อระบบใหม่ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ต้องมานั่งสัมมนากัน นั่งคุยกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก”
ส่วนเรื่องการเยียวยาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องหยุดงานมาเฝ้าบุตรหลานนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “ผมนำเรียนด้วยความจริงว่า การเยียวยาตรงนี้ไม่ตรงกับระเบียบของกองทัพบก เราไม่ได้เรียกว่าเยียวยา แต่เป็นการดูแลในส่วนที่ผู้ปกครองและญาติต้องเดินทางไปเดินทางมา เราจะดูแลให้ตามจริง เราต้องทำตามระเบียบ ถ้าดำเนินการไปแล้วผิดระเบียบ จะโดนร้องเรียนในเรื่องนี้ด้วย เราจะดูแลตามที่น้องๆ เขาป่วยจริง ตรงนี้ผมได้บอก ผบ.ครูฝึก วันแรกที่ผมบอกว่าต้องอยู่ดูแลให้มากที่สุด พ่อแม่ครอบครัวคนใดไม่มีที่พักต้องจัดหาให้ เรื่องรถรับส่งต่างๆนั่นคือในขั้นต้น ส่วนใครจะอยู่นานกี่วันเราก็จะดูแล”
สำหรับกรณีการตั้งกรรมการสอบสวนครูฝึก แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า ผลการสอบสวนจะถึงมือตนเร็วๆ นี้ ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เราก็จะให้ความยุติธรรมในการสอบสวน ใครที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องเราว่าไปตามระบบ ซึ่งผู้ปกครองพ่อแม่และสื่อมวลชนต่างๆเราให้ความเป็นธรรมทุกคน
ด้านผู้ปกครองนักศึกษาวิชาทหารรายหนึ่ง กล่าวขอความเห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ตนต้องจำยอมไปยืมเงินจากเครือญาติมาซื้อชุด นศท.ให้ลูก เพราะลูกอยากเรียน รด. ลูกทั้ง 3 คน อยู่ในวัยเรียน ยังไม่มีใครทำงาน ส่วนแม่ทำงานโรงเรียนเอกชน พ่อทำงานแบบรายวัน ไม่พอกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะราคาชุดก็หลายพันบาท ไหนจะเสื้อ ไหนกระเป๋าเป้สารพัด แต่ว่าเราเต็มใจสนับสนุนให้ลูกเรียน
“ทีแรกไม่อยากให้เรียน ไม่ใช่เรื่องค่าใช้จ่ายนะ กลัวแกรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้น ส่วนพ่อก็ต้องหยุดทำงานมาเฝ้าลูกตั้งแต่วันแรก เมื่อพ่อหยุดทำงาน รายได้มันเข้ามาไหม ลองคิดดู ทำงานโรงเรียนเอกชนจะได้กี่บาท ถ้ารับราชการก็ไปอย่าง นั่นแหละปัญหา” ผู้ปกครอง นศท. กล่าว