หน่วยเฉพาะกิจสงขลา นำอีโอดีเข้าเก็บกู้ระเบิดแสวงเครื่อง “ถังแก๊ส” ซุกริมถนนสายหาดใหญ่-ปัตตานี ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ด้าน รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ยันเหตุระเบิดหาดบ้านทอน จ.นราธิวาส ไม่กระทบเครื่องบินขึ้น-ลง ขณะที่ผู้ช่วยโฆษกตำรวจชายแดนใต้ เผยเหตุรุนแรงเดือน ก.ค. มี 29 ครั้ง ตาย 8 เจ็บ 2 ส่วนคดีบึ้มตู้เอทีเอ็ม ปี 61 ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต
วันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค.65 หน่วยเฉพาะกิจจังหวัดสงขลา (ฉก.สงขลา) ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยเป็นถังแก๊สหุงต้มสีส้ม สภาพเก่าขึ้นสนิม ขนาดบรรจุ 4 กิโลกรัม มีสายไฟเชื่อมต่อ ลักษณะเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ถูกวางไว้ใกล้กับเสาไฟฟ้าริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 (หาดใหญ่-ปัตตานี) ท้องที่ หมู่ 4 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่กำลังผสม 3 ฝ่าย พร้อมด้วยชุดอีโอดี หรือชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างละเอียด พบว่าเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในถังแก๊สหุงต้ม ภายในบรรจุดินระเบิด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารประเภทใด
นอกจากนี้ยังพบเชื้อปะทุและดินขยาย 1 ชิ้น เหล็กเส้นตัดท่อนขนาด 0.5 - 1 เซนติเมตร เป็นสะเก็ด และของเหลวคาดว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้เกิดเพลิงไหม้หลังระเบิดทำงาน รวมน้ำหนักระเบิด ประมาณ 20 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บกู้เพื่อนำไปตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง หาตัวคนร้ายที่นำระเบิดมาวาง เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ต้องการสร้างสถานการณ์รายวัน
@@ ยันเหตุระเบิดหาดบ้านทอน ไม่กระทบเครื่องบินขึ้น-ลง
อีกด้านหนึ่ง พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.สน.) ได้ชี้แจงกรณีเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณชายหาดบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันจันทร์ที่ 8 ส.ค.65 ซึ่งไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ภายหลังเกิดเหตุสื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวว่าจุดที่เกิดระเบิดใกล้กับท่าอากาศยานนราธิวาส และจุดที่เครื่องบินขึ้นลง ซึ่ง กอ.รมน.มองว่าเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้กับพี่น้องประชาชน จึงขอสร้างความเข้าใจดังนี้
จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยานพบว่า คนร้ายได้ใช้ระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิคนิค จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ไปฝังไว้บริเวณชายหาดบ้านทอน (ใกล้รีสอร์ทปันตัยทอน) และได้เกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. รัศมีระเบิดประมาณ20 เมตร โดยจุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของชุมชน
พื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตพื้นที่สนามบิน และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของอากาศยาน จึงคาดว่าคนร้ายน่าจะมุ่งโจมตีเพื่อให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งต่อเจ้าหน้าที่ สถานประกอบการ และพี่น้องประชาชนที่มาท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าว แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อน จึงไม่สามารถสร้างความความสูญเสียได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้กับเขตสนามบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส จึงได้ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการยกระดับแผนรักษาความปลอดภัยภายในเขตสนามบินให้เข้มงวดยิ่งขึ้น จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย และให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสนามบินที่ได้กำหนดไว้ จึงใคร่ขออภัยในความไม่สะดวกและขอให้มั่นใจว่า “เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเครื่องบินและท่าอากาศยาน” แต่อย่างใด
@@ ยกระดับคุมเข้มสนามบินบ้านทอน - เบตง
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยยกระดับการควบคุมพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่รอบนอกเขตสนามบินนราธิวาส และสนามบินเบตง ภายใต้กระบวนการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและชุมชนให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งให้เร่งรัดตรวจพิสูจน์หลักฐานจากเหตุระเบิด เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนต่อไป
@@ เหตุรุนแรง ก.ค. 29 ครั้ง ตาย 8 เจ็บ 2
ส่วนที่กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.อนุพงษ์ ทัศนา ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงผลการปฏิบัติงานในห้วงเดือน ก.ค.65 ว่า เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบรวม 29 เหตุการณ์ แยกเป็น เหตุก่อความรุนแรง 5 เหตุการณ์ เหตุอาชญากรรมทั่วไป 16 เหตุการณ์ เหตุก่อกวน 4 เหตุการณ์ และเหตุปะทะ 4 เหตุการณ์
มีผู้เสียชีวิต 8 ราย แยกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ผู้ก่อเหตุรุนแรง 7 คน และมีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย มีการออกหมายจับ ป.วิอาญาคดีความมั่นคง จำนวน 2 หมาย จับกุม 1 หมาย จับตัวยังไม่ได้ 1 หมาย จำหน่ายหมายจับคดีค้างเก่า 12 หมาย รวมจำหน่ายหมาย 13 หมาย และออกหมายจับ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำนวน 10 หมาย จับกุม 5 หมาย จับตัวยังไม่ได้ 5 หมาย มีผลคำพิพากษาคดีความมั่นคงของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ และศาลฎีการวม 4 คดี จำเลย 5 คน แยกเป็น จำคุกตลอดชีวิต 1 คน จำคุกไม่เกิน 50 ปี 1 คน และยกฟ้อง 3 คน
@@ คุกตลอดชีวิตมือบึ้มตู้เอทีเอ็ม ปี 61
ทั้งนี้มีความคืบหน้าคดีสำคัญหลายคดี เช่น จากกรณีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เข้าไปหลบซ่อนพักพิง และวางแผนตระเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ บริเวณบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อ 26 ก.ค.65 มีความคืบหน้าของคดีนี้จากผลการตรวจสอบที่มาและตรวจพิสูจน์อาวุธปืนของกลางที่ตรวจยึดได้จากผู้ตายทั้งสอง พบว่าปืนที่ตรวจยึดเป็นอาวุธปืนที่ถูกประทุษร้าย มาจากคดี ความมั่นคงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จำนวน 3 กระบอก พบประวัติการก่อเหตุพบว่าทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ-ไทยมุสลิม เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
ด้านคำพิพากษาคดีความมั่นคงที่น่าสนใจ 2 คดี ได้แก่
คดีที่ 1. คดีลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มจำนวน 10 แห่ง ในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อ 20 พ.ค.61 ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 19 ก.ค.65
คดีที่ 2 เหตุแขวนป้ายผ้าและพ่นสีเปรย์ วางวัตถุต้องสงสัยก่อเหตุพื้นที่ อ.กาบัง และ อ.เมืองยะลา เมื่อ 27 พ.ย.63 ศาลจังหวัดยะลา พิพากษาจำคุก 3 ปี รอการลงโทษ 2 ปี จำนวน 1 ราย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.65