สมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนใต้ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ย้ำจุดยืนค้านกัญชาเสรี - สมรสเพศเดียวกัน จี้ทบทวนหามาตรการควบคุม ขณะที่เยาวชน-ผู้ใช้กัญชาในพื้นที่ปัตตานี ห่วงมอมเมาวัยรุ่น อันตรายหากนำไปใช้ผิดวิธี
เมื่อเวลา 11.30 น.วันจันทร์ที่ 18 ก.ค.65 ที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี สมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือไม่เห็นด้วยเรื่องกัญชาเสรี และสมรสเสมือน(สมรสเพศเดียวกัน) ผ่าน นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, ประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร เพื่อทบทวนร่างกฎหมาย 2 ฉบับนี้อย่างเร่งด่วน
โดยเนื้อหาใจความหลักที่ได้ยื่นเป็นหนังสือ มีข้อความบางส่วนระบุว่า หากสถานการณ์กัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อเนื่องไปนาน จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทยในระยะยาว ประเทศไทยจึงไม่ควรตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศนาน ต้องให้มีนโยบายควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดอย่างเพียงพอโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม การออกแบบมาตรการเพื่อควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดนั้นมีรายละเอียดมาก ต้องการการออกแบบอย่างรอบคอบ เช่น กัญชาจะยังเป็นยาเสพติดหรือไม่, ประเทศไทยต้องการนโยบายกัญชาทางการแพทย์ หรือกัญชาเพื่อเศรษฐกิจ หรือกัญชาเพื่อนันทนาการ, จะให้ปลูกกัญชาในครัวเรือนหรือไม่ จำนวนเท่าใด, จะควบคุมเยาวชนนำช่อดอกกัญชาไปสูบได้อย่างไร, จะควบคุมการทำธุรกิจกัญชาแค่ไหน เพียงใด, จะควบคุมการโฆษณาและการส่งเสริมการขายหรือไม่ เพียงใด, จะปกป้องเยาวชนอย่างไร, จะปกป้องผู้ไม่เสพใช้กัญชาอย่างไร เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อเห็นว่าประชาชนจำนวนมากใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ และจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการบริโภคกัญชาแบบไม่รู้ตัวอย่างชัดเจน จึงควรพิจารณาทบทวนนโยบายกัญชาเสรีดังกล่าว ซึ่งทำได้ง่ายมาก เนื่องจากการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดเป็นเพียงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นอำนาจและความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
โดยควรที่จะต้อง "ปิดสภาวะสุญญากาศทันที" และ "จัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาต่อไป" บนจุดยืนการสนับสนุน “นโยบายกัญชาทางสายกลาง” คือ การใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายกัญชาเสรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามกลุ่มเยาวชนมุสลิมในพื้นที่จังหวัดปัตตานี หลายรายกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังไม่เห็นด้วยกับการปลดล็อกกัญชา เพราะจะยิ่งทำให้เยาวชนหันไปพึ่งยาเสพติดมากขึ้น มีทางเลือก เพราะหาซื้อง่าย ปัจจุบันมีกลุ่มเยาวชนติดยามากอยู่แล้ว จะทำให้มอมเมามากขึ้น และมีวัยรุ่นขายยาเสพติดมากขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกันได้สอบถามผู้ที่ทดลองใช้กัญชา ได้ข้อมูลว่า หากนำกัญขาไปประกอบอาหารแบบผิดวิธี ผิดปริมาณ เคยมีเพื่อนๆ นำตัวกัญชาใส่ลงในเค้กบราวนี่ ปรากฏว่าทำให้มีฤทธิ์เมาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ถึงกับหลอน นอนไม่หลับ หายใจไม่ออก หนักกว่าการนำกัญชามาสูบเสียอีก อยากให้ในพื้นที่มีการควบคุมตามเดิมมากกว่า อีกอย่างหนึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางการค้ายาเสพติดไปประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย เพราะมาเลเซียและอินโดนีเซียยังไม่เปิดเสรีตรงนี้