กลายเป็นวิวาทะการเมือง หลังมีข่าวพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจ “ไม่ส่ง” นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี เขต 1 ของพรรค เป็นว่าที่ผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมีขึ้นอย่างช้าที่สุดกลางปีหน้า
ข่าวนี้เล็ดลอดมาจากวงกิจกรรมของผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงมาพบปะแฟนคลับและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครอย่างไม่เป็นทางการและยังไม่เปิดชื่อกับสื่อ
แต่เมื่อมีข่าวเผยแพร่ออกไป นายอันวาร์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ “กรุงเทพธุรกิจ” โดยพุ่งเป้าวิจารณ์บทบาทของ นายนิพนธ์ โดยตรง
@@ โวย “นิพนธ์” ผู้มีอิทธิพลใน ปชป.
“ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการผมอีกต่อไป ทั้งที่ผมเป็น ส.ส.ของพรรคเพียงคนเดียวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมจึงจําเป็นต้องอ้างถึง นายนิพนธ์ ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลมากต่อการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ภายในพรรค ซึ่งการตัดสินใจบางอย่างอาจเป็นการทําให้เกิดความแตกแยกในพรรคมากยิ่งขึ้น”
"เช่น กรณีก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดเหตุกรณี นายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา ที่ชนะการเลือกตั้งที่เขตอําเภอเมืองสงขลามาถึง 4 สมัย แต่กลับมีการอ้างผลโพลของพรรคว่า ถ้าส่งนายเจือลงสมัคร จะไม่ได้รับเลือกตั้ง ควรจะส่งลูกชายของนายนิพนธ์ลงแทน ซึ่งผลกลับได้คะแนนน้อยกว่าที่นายเจือเคยทําไว้ในอดีตถึง 3 เท่าตัว”
“แต่ก็พอเข้าใจได้ว่านายนิพนธ์ต้องการเปิดทางให้ลูกชายได้ลงสมัคร ส.ส. หรือกรณีของผม ตอนที่เพิ่งเป็น ส.ส. สมัยแรก ก็มีการอ้างโพลบอกว่า ผมไม่ลงพื้นที่ พรรคไม่ควรส่งลงสมัครอีก และก่อนหน้านั้นมีคนเอาข้อมูลมาให้ผมอภิปรายโจมตีนักธุรกิจคู่แข่ง แต่ได้ปฏิเสธไป อยู่ดีๆ จึงมีผลโพลถูกเสกขึ้นมาบอกไม่ให้ผมลงสมัคร สุดท้ายผมก็ชนะ ได้เป็นส.ส.ถึง 4 สมัย จนถึงปัจจุบัน" นายอันวาร์ กล่าว
@@ ตัดสินใจโดยไม่ผ่านขั้นตอนของพรรค
ส.ส.ปัตตานีเพียงหนึ่งเดียวของประชาธิปัตย์ ยังบอกด้วยว่า กรณีการประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ปัตตานีของพรรคทั้ง 4 เขต โดยไม่มีชื่อตนนั้น ตนเพิ่งทราบในวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย.65 แต่ก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากที่นายนิพนธ์ลงพื้นที่เคลื่อนไหวที่ปัตตานี
สอดคล้องกับที่มีการประกาศว่า จะไม่ส่งตนลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์อีก รวมถึงการตัดช่องทางการช่วยเหลือจากพรรค แต่ตนก็ยังทําหน้าที่ ส.ส. ยังลงพื้นที่พบปะรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน และช่วยประสานแก้ไข การประกาศว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานีโดยไม่มีชื่อตน จึงเป็นการตอกย้ำถึงสิ่งที่ตนเคยพูดเสมอมาว่า นายนิพนธ์เป็นผู้มีอิทธิพลในพรรค เพราะทำโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการขั้นตอนต่างๆในพรรค เท่ากับเป็นการทําลายระบบของพรรค
@@ อ้างทำพรรคร้าว ไร้เอกภาพ เก้าอี้วูบแน่
"ที่สำคัญการกระทําแบบนี้ เริ่มทําให้พื้นที่ด้ามขวานของประชาธิปัตย์เริ่มร้าว ไม่เป็นเอกภาพ ตั้งแต่เหตุการณ์การประกาศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ระนอง พัทลุง นครศรีธรรมราช และปัตตานี ล้วนเป็นผลทําให้พรรคประชาธิปัตย์ของเราต้องเสียบุคลากรดีๆ ไปมาก เพราะหลายคนหมดสิ้นศรัทธากับระบบของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนี้ที่เหลืออยู่เพียงแค่ระบบนายทุนในพรรค ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องไปตามสืบให้ปวดหัวว่า ทําไมการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จึงล้มเหลวได้ขนาดนั้น และในการเลือกตั้งครั้งหน้า เกิดคำถามในหมู่เพื่อน ส.ส.คุยกันว่า เราจะเหลือกี่ที่นั่ง แค่นึกถึงก็หดหู่ ขอให้ผู้บริหารพรรคช่วยตอบด้วย” นายอันวาร์ กล่าว
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานีทั้ง 4 เขต ที่นายนิพนธ์ไปเปิดตัวในพื้นที่คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสนิท นาแว เขตเลือกตั้งที่ 2 นายมนตรี ดอเลาะ เขตเลือกตั้งที่ 3 นายยูนัยดี วาบา และเขตเลือกตั้งที่ 4 นายนาวี หะยีดอเลาะ โดยนายอันวาร์ เป็นส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ติดต่อกัน 4 สมัย
@@ “นิพนธ์” ถามกลับ ลงเลือกตั้งทุกครั้งใครดูแล
ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของนายอันวาร์ว่า ตนไม่แปลกใจอะไรต่อท่าทีของนายอันวาร์ และเข้าใจนายอันวาร์มาตลอด
“ช่วงหลังนายอันวาร์เปลี่ยนไป ทำตัวมีปัญหากับพรรคตลอดเวลา ไม่ทำตามมติพรรคก็หลายครั้ง การที่พรรคจะไม่ดำเนินการใดๆ คงไม่ได้ พรรคก็ต้องหาทางออกที่ดีที่สุด พรรคให้โอกาสนายอันวาร์มานานแล้ว”
นายนิพนธ์ ยืนยันว่า ดูแลนายอันวาร์มาตลอด ครั้งแรกที่ลงเลือกตั้ง ตนก็เป็นคนเสนอชื่อนายอันวาร์เอง สมัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค และตั้งแต่นั้นมานายอันวาร์ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนมาทุกครั้ง
“ถ้านายอันวาร์ความจำไม่สั้น เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อันวาร์คงรู้ว่าใครสนับสนุน ดูแลนายอันวาร์ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของนายอันวาร์เปลี่ยนไปเยอะ จะเป็นเพราะเหตุอะไรผมไม่ทราบ กล่าวให้ร้ายพรรคมาตลอด”
@@ แนะ “อันวาร์” ไปตามเส้นทาง “ที่ชอบๆ”
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ พรรคก็ต้องหาทางออกที่ดีสุด นายอันวาร์เองก็จะได้ไปตามเส้นทางที่ชอบๆ และไม่มีอะไรต้องโกรธเคืองต่อกัน
@@ ย้ำคัดเลือกผู้สมัครมีขั้นตอน ไม่ได้คิดคนเดียว
“ในการสรรหาตัวผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์มีขั้นมีตอน มีระบบอยู่แล้ว ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งจะทำอะไรตามอำเภอใจได้โดยไม่ผ่านระบบของพรรค เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
และว่า สิ่งที่นายอันวาร์ให้กับพรรค คือการใส่ร้ายพรรค ใส่ร้ายผู้บริหารพรรค พรรคจัดประชุม จัดสัมมนา นายอันวาร์ก็จะถือโอกาสแถลงสวนแนวทางของพรรคมาตลอด
“เมื่อนายอันวาร์เห็นว่า แนวทางไปด้วยกันไม่ได้ พรรคก็เปิดโอกาสให้นายอันวาร์หาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตการเมืองของตัวเอง เมื่อนายอันวาร์เปลี่ยนไป จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่แปลกใจ มาถึงวันนี้เมื่อใกล้เลือกตั้ง พรรคก็เปิดโอกาสให้แต่ละคนเลือกอนาคตของตัวเองที่ดีที่สุด” นายนิพนธ์ กล่าว
และย้ำว่า นายอันวาร์ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับพรรค กับคณะกรรมการบริหารพรรคมาโดยตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา และพยายามเสนอปรับโครงสร้างพรรค แต่ไม่ได้เสนออะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน