กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งที่ 1287/2565 ลงวันที่ 25 พ.ค.65 แต่งตั้งนายอำเภอในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยในคำสั่งนี้มีชื่อนายอำเภอ 3 คน จาก 3 พื้นที่ หนึ่งในนั้นคือ นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ นายอำเภอรือเสาะ (ช่วยราชการ วิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง) ให้รักษาการในตำแหน่ง นายอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
นอกจากนั้นยังมีคำสั่งให้ นายซูปียัน แดเมาะเล็ง นายอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งรักษาการในตำแหน่งนายอำเภอสุไหงปาดี ไปรักษาการในตำแหน่งนายอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส และให้ ว่าที่ร้อยตรี สมบัติ สิงห์คาร นายอำเภอจะแนะ ไปรักษาการในตำแหน่งนายอำเภอรือเสาะ
หลังจากคำสั่งดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะชาวอำเภอสุไหงปาดี เพราะนายวิชาญ นายอำเภอรือเสาะ เคยถูกร้องเรียนเรื่องมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนนำมาสู่การประท้วงขับไล่จากประชาชน ผู้นำศาสนา และผู้นำท้องที่ในอำเภอรือเสาะ กระทั่งอธิบดีกรมการปกครองมีคำสั่งย้ายออกไปช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.65 ที่ผ่านมา
แต่ล่าสุดกลับมีคำสั่งให้กลับมารับตำแหน่งนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง โดยระบุในคำสั่งย้ายจากช่วยราชการวิทยาลัยการปกครอง ไปรักษาการในตำแหน่งนายอำเภอสุไหงปาดี
@@ ชาวบ้านเปรย “ข่าวร้าย” วอนฟังเสียงคนพื้นที่
นายอับดุลสอมะ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านในพื้นที่สุไหงปาดี กล่าวว่า รู้สึกเหมือนได้ยินข่าวร้าย อยากให้หน่วยงานรัฐเข้าใจปัญหาในพื้นที่บ้าง ไม่ใช่คิดจะส่งใครก็ส่งมาได้
“ถ้าอยากให้ที่นี่สงบ ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ขอให้เอาข้าราชการดีๆ เข้ามาทำงาน ผมเชื่อว่าสงบแน่” ชาวบ้านสุไหงปาดี กล่าว
@@ “อารีเพ็ญ” ถามใช้สมองส่วนไหนคิด
ขณะที่ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.นราธิวาสหลายสมัย ปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคประชาชาติ ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นว่า ได้เห็นคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายอำเภอฉบับนี้แล้ว ไม่ทราบว่าอธิบดีกรมการปกครองมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์หรือเปล่า ข้าราชการระดับนายอำเภอถูกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำศาสนาอิสลามในอำเภอรือเสาะ ประท้วงขับไล่ เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะดูหมิ่นศาสนา และถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครองแล้ว ยังย้ายกลับมารับตำแหน่งเป็นนายอำเภอสุไหงปาดีอีก อยากถามว่ามีแผนไม่ชอบมาพากลอะไรหรือไม่ ขอถามอธิบดีกรมการปกครองหน่อยว่า คิดรอบคอบแล้วหรือ? ใช้สมองส่วนใหนคิด?
สอดคล้องกับเพจเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียของคนในพื้นที่อีกหลายเพจที่ได้แสดงความคิดเห็นไปในทางที่ไม่พอใจกับการกลับมาทำหน้าที่ของนายอำเภอท่านนี้ ถึงจะย้ายมาข้ามอำเภอ แต่ก็ยังอยู่ในจังหวัดเดิม เกรงว่าอาจจะมีการประท้วงไม่ต้อนรับ จนก่อให้เกิดปัญหาปานปลาย
@@ แง้มประวัติเป็นคนนราฯ อยู่ในพื้นที่ 13 ปี
เป็นที่น่าสังเกตว่า นายอำเภอวิชาญ ปัจจุบันอายุ 53 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส มีอายุราชการ 29 ปี ระยะเวลาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากถึง 13 ปี เคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอยี่งอ จ.นราธิวาส, นายอำเภอระแงะ จ.นราธิวาส, นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และได้มาดำรงตำแหน่งนายอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.60 ก่อนจะถูกขับไล่และถูกคำสั่งย้าย
โดยนายอำเภอวิชาญ ยังเคยได้รับเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2557 ด้วย
@@ อดีตบิ๊ก ขรก. เปิดข้อมูลอีกด้าน
อดีตข้าราชการระดับสูงในจังหวัดนราธิวาส ให้ข้อมูลกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า นายอำเภอวิชาญ พื้นเพเดิมเป็นชาวนราธิวาส พูดจาค่อนข้างโผงผาง ตรงไปตรงมา ไม่ค่อยจะเข้าหูใคร ในฐานะคนนราฯ บางครั้งพูดจาไม่เกรงใจคนในพื้นที่ เพราะรู้พื้นที่ดี ทำให้หลายคนไม่พอใจ จึงขุดคุ้ยเรื่องต่างๆ ขึ้นมา มีทั้งจริงและเกินจริง
เข้าใจว่าเมื่อกรมการปกครองตรวจสอบแล้ว น่าจะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง จึงให้ย้ายกลับมาพื้นที่เดิมแต่คนละอำเภอกัน ประกอบกับอำเภอใหม่คืออำเภอสุไหงปาดี นายอำเภอคนเดิมเป็นมุสลิมเพิ่งจะย้ายมาไม่นาน ประมาณ 2 เดือน แต่ต้องย้ายไปอำเภอใหม่เพื่อให้นายอำเภอวิชาญเข้ามา ฝ่ายที่ไม่พอใจจึงปลุกกระแสต่อต้าน
“ทราบว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด นายอำเภอใช้มาตรการจริงจัง ไม่ยอมให้ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรการ จึงไปกระทบกระทั่งกับผู้นำศาสนา และผู้นำในพื้นที่บางคน จนเกิดกระแสต่อต้าน และมีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ผลอีกด้านหนึ่งคือ อำเภอรือเสาะควบคุมการระบาดได้ดีเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด” อดีตข้าราชการระดับสูงเปิดข้อมูลอีกด้าน