เปิด “ศูนย์สันติวิธี” รับฟังข้อเรียกร้องสานต่อยุติใช้ความรุนแรงช่วงถือศีลอด ชงขยายเวลาอีก 60 วันจนถึงฮารีรายออิฎิลอัฎฮา เหตุ “รอมฎอนสันติสุข”เห็นผลการก่อเหตุร้ายลดลง
ที่กองสานใจสู่สันติ ศูนย์สันติวิธี ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.ธิรา แดหวา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี พบปะพูดคุยสานสัมพันธ์กับผู้ประสานงานเครือข่ายสานใจสู่สันติ (สานต่อรอมฎอนสันติ) ร่วมแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นจากผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ซึ่งถือเป็นผู้ประสานงานระดับพื้นที่ และประสานการทำงานสร้างการรับรู้ นำแนวทางนโยบายของหน่วยงานรัฐสู่ประชาชน
วงหารือนี้ สืบเนื่องจากในห้วงเดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1443 ที่ผ่านมา หลายฝ่ายมีความเห็นตรงกันในการสร้างเดือน “รอมฎอนสันติ” ให้เป็นเดือนแห่งสันติสุข ด้วยการเปิดโอกาสและอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบได้มีโอกาสกลับมายังภูมิลำเนา จากที่ต้องพลัดถิ่นฐานได้กลับมาสู่ถิ่นเกิด มาดูความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยได้รับโอกาสการอภัยจากเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้กลับมา
และเมื่อได้กลับมายังภูมิลำเนาจะได้ทำหน้าที่มุสลิมที่ดีด้วยการปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดในห้วงเดือนรอมฎอน โดยจะไม่มีการใช้มาตรการทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ข้อตกลงดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 14 พ.ค.65 และทางสมาชิกผู้ประสานงานเครือข่ายสานใจสู่สันติ ได้เสนอให้มีการสานต่อข้อตกลงนี้ เพราะตลอดระยะเวลาในห้วงที่ทำข้อตกลง การก่อเหตุหรือการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ลดลงอย่างชัดเจน ทุกฝ่ายพอใจและหวังอยากให้เป็นเช่นนี้ต่อไป จึงได้มีการพบปะและรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนประชาชน โดยผ่านผู้ประสานงานเครือข่ายสานใจสู่สันติ จากทั้ง 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา
พล.ท.ธิรา แดหวา ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี กล่าวว่า จากการพบปะและร่วมรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประสานงานเครือข่ายสานใจสู่สันติ เรื่องการสานต่อรอมฎอนแห่งสันติสุข ด้วยการขยายเวลาเรื่องการยุติการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบเพิ่มอีก 60 วัน ไปจนถึงฮารีรายออิฎิลอัฎฮา (รายอฮัจย์ - เทศกาลเฉลิมฉลองให้มุสลิมทั่วโลกที่ไปแสวงบุญฮัจย์) หวังให้ประชาชนได้อยู่กับครอบครัวและได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญ คือ การทำกุรบาน (เชือดสัตว์พลีทาน)
“ประเด็นนี้ส่วนตัวเห็นด้วย และจะนำประเด็นนี้นำเสนอเข้าไปยังเวทีการพูดคุยสันติสุข เพื่อรับฟังความคิดเห็นชอบจากทุกฝ่ายว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับการขยายเวลาเพื่อยุติความรุนแรงและร่วมสร้างความสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ตามที่ประชาชนได้เรียกร้อง” พล.ท.ธิรา กล่าว
@@ “ตันสรี ราฮิม” บินพบ “ประวิตร”
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานด้วยว่า ตันสรี อับดุลราฮิม บิน โมฮัมหมัด นูร์ หัวหน้าคณะผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศมาเลเซีย มีกำหนดเดินทางเข้าพบและเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
มีรายงานว่า ตันสรี ราฮิม อาจไม่ได้รับการต่ออายุให้ทำหน้าที่ “ผู้อำนวยความสะดวก” กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ต่อไป เนื่องจากใครจะครบวาระในเร็ววันนี้ ขณะเดียวกันก็เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาเลเซียเมื่อไม่นานมานี้ จึงอาจมีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลใหม่มาทำหน้าที่ “ผู้อำนวยความสะดวก”
ตันสรี ราฮิม เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รับแต่งตั้งจาก อดีตนายกฯ มหาธีร์ โมฮัมหมัด ในการทำหน้าที่ “ผู้อำนวยความสะดวก” ตั้งแต่ปี 61 ซึ่งมีการพูดคุยสันติสุขร่วมกันระหว่างคณะพูดคุยของรัฐบาลไทย กลับผู้เห็นต่างจากรัฐ “กลุ่มมารา ปาตานี” ต่อมาการพูดคุยไม่มีความคืบหน้า จึงมีการเปิดโต๊ะพูดคุยใหม่ ดึงแกนนำ “บีอาร์เอ็น” เข้ามาร่วมโต๊ะพูดคุย และจัดทำข้อตกลงหยุดยิงช่วงเดือนรอมฎอนจนประสบความสำเร็จ แม้จะติดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
มีรายงานว่า อาจมีการขอการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ให้สนับสนุน ตันสรี ราฮิม ทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยต่อไป โดยให้เหตุผลว่า โต๊ะพูดคุยกำลังดำเนินการมาด้วยดี และเพิ่งประสบความสำเร็จในข้อตกลงลดปฏิบัติทางทหาร และลดความรุนแรง