ผู้บริหารนกแอร์ เผยไฟลท์บิน “กรุงเทพฯ-เบตง” ส่อขาดทุนสูงถึง 40 ล้านในช่วง 3 เดือน ลังเลขยายเวลา แย้มอยู่ระหว่างเจรจาขอสนับสนุนจาก ททท. อีกด้านรัฐ-เอกชนนำผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลกว่า 3,000 รายการ บุกซาอุดีอาระเบีย ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาฯ ปลื้มคนซาอุฯนิยมอาหารไทย ชี้เป็น “ซอฟท์เพาเวอร์”
วันพุธที่ 18 พ.ค.65 นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า สายการบินนกแอร์ เส้นทาง กรุงเทพฯ–เบตง มีสถานะเป็นสีแดง ซึ่งหมายถึงมีการขาดทุน โดยคาดว่าจะขาดทุนสูงถึง 40 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เปิดให้บริการ ทำให้สายการบินลังเลที่จะขยายเวลาให้บริการในระยะยาว แม้เส้นทางจะมีปัจจัยด้านการบรรทุกมากกว่า 90% แต่บริษัทก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุของการหยุดให้บริการในอนาคตได้
ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง และสายการบินได้ขอให้รัฐบาลช่วยอุดหนุนค่าบริการทางอากาศและค่าบริการของท่าอากาศยาน 7 แห่งที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งทางสายการบินได้รับการสนับสนุนเพียงบางส่วนเท่านั้น ทั้งราคาน้ำมันเครื่องบินที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางเบตง ซึ่งมีระยะทางไกลสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ โดยมีเวลาบินเฉลี่ย 1 ชั่วโมง 45 นาที สายการบินนกแอร์ยังสูญเสียโอกาสในการทำกำไรจากการใช้เครื่องบิน เนื่องจากเส้นทางอื่นใช้เวลาน้อยกว่า ฉะนั้นจึงต้องตัดสินใจว่าจะขยายการให้บริการสำหรับเส้นทางนี้ออกไปหรือไม่
หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโปรโมชั่นกับผู้ให้บริการทัวร์ในเดือน ก.ค.นี้ และนับตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.65 ที่นั่งส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยลูกค้าจากกลุ่มทัวร์ที่ใช้สิทธิพิเศษจาก “ทัวร์เที่ยวไทย” โปรแกรมที่ให้เงินอุดหนุน 40% อย่างไรก็ตาม บริษัททัวร์ยังมีจุดหมายทางการตลาดอื่นๆ อีกมากเช่นเดียวกับเบตง ซึ่งหมายความว่าอนาคตของเส้นทางนี้ยังไม่ชัดเจน
@@ เร่งถก ททท.ขอการสนับสนุน
นายวุฒิภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สายการบินอยู่ระหว่างการเจรจากับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาดและการสนับสนุนในระยะยาว ถ้าหากมีแผนการสนับสนุนที่ดี การให้บริการอาจจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ สายการบินถูกขอให้จำกัดราคาค่าโดยสารให้ต่ำกว่า 2,000 บาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาเรื่องเงินอุดหนุนด้านบริการท่าอากาศยาน เพราะต้นทุนนี้คิดเป็นเกือบ 15% ของต้นทุนการดำเนินงานทั้งหมด
ขณะเดียวกันผู้บริหารระดับสูงของสายการบินหลายแห่งในประเทศไทยได้หารือเรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้สั่งให้สายการบินเก็บจากผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับระยะเวลาของโครงการ เนื่องจากความต้องการด้านการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในขณะที่การเดินทางกลับมีต้นทุนสูงขึ้น สายการบินกำลังพิจารณาขอให้กระทรวงเลื่อนโครงการออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
@@ วอนรัฐเห็นความสำคัญ เบตงจุดเชื่อม 3 จังหวัด
ด้าน นายเอกสิทธิ์ ธารีลาภรักษา ผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.เบตง กล่าวว่า ใน จ.ยะลา อ.เบตง ถือเป็นหัวหอกในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเชื่อมโยงเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม อาหาร และการท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม กลายเป็นจุดหมายปลายทางในประเทศที่ได้รับความนิยมหลังคลายล็อกดาวน์ในช่วงนี้ หลังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิ่งเทรล เมื่อวันที่ 6-8 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิ่งทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนั้น หลังจากที่มีการเปิดบริการสนามบินเบตง มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวอำเภอเบตงอย่างต่อเนื่อง และเดินทางต่อไปยัง จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จึงอยากให้ภาครัฐสนับสนุนกิจกรรมในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของ อ.เบตง หลังประสบวิกฤติโควิด-19 ในตลอดหลายปี
ส่วนภาพจำของเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายเอกสิทธิ์ บอกว่า ขณะนี้เริ่มลดลง เนื่องจากประชาชนมีรายได้ ซึ่งตนคิดว่าการทำให้ประชาชนมีรายได้เป็นการตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ เพราะฉะนั้นการเรียงร้อยชุมชนด้วยเศรษฐกิจน่าจะเป็นนโยบายที่จะแก้ปัญหาได้อย่างสำเร็จเด็ดขาด
@@ เส้นทาง(บิน)สายวิบาก
ไฟลท์บิน “กรุงเทพฯ - เบตง - กรุงเทพฯ” ประสบปัญหามาตลอดตั้งแต่เริ่มบิน ทันทีที่ท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 14 มี.ค.65 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เป็นประธานในพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินนกแอร์ แต่เพียงข้ามวันก็เกิดปัญหา เมื่อนกแอร์ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน “ดอนเมือง - เบตง - ดอนเมือง” ในวันที่ 16 และ 18 มี.ค.65 เนื่องจากผู้โดยสารน้อย แบกรับต้นทุนไหมไหว กระทั่งต้องระงับไฟลท์บินชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ประชุมหารือเพื่อหาทางออก เพื่อให้เส้นทางการบิน “กรุงเทพฯ – เบตง” กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง กระทั่งบรรลุข้อตกลงในการเปิดบินอีกรอบ เริ่มเปิดทำการบินเมื่อวันที่ 29 เม.ย.65 ที่ผ่านมา โดยช่วงแรกไม่มีการให้ข้อมูลว่าจะเป็นการเปิดบินชั่วคราว 3 เดือนเท่านั้น กระทั่งภายหลังจึงมีการยอมรับข้อมูลนี้
การเปิดทำการบินรอบนี้ มีการจัดทำแพ็คเกจส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “@เบตง หรอยแรง แหล่งใต้ สไตล์นกแอร์” ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ในราคาเริ่มต้น 9,900 บาท แต่ไปๆ มาๆ กลับประสบปัญหาขาดทุน ทั้งๆ ที่มีข่าวว่านักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมาก และทางนกแอร์เตรียมพิจารณายกเลิกทำการบินหลังครบกำหนด 3 เดือน
@@ ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทยบุกซาอุฯ
ความเคลื่อนไหวอีกด้าน เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้แทนภาครัฐและเอกชนไทยประมาณ 120 คน ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงานส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย จัดโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย สถานที่คือห้าง Lulu Hypermarket สาขาห้างสรรพสินค้า Atyaf Mall มี นายดอน ประมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานเปิดงาน
โดยภาคเอกชนไทยที่ร่วมงานครั้งนี้ เช่น นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย, นายศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอกลุ่มซีพี, ผู้บริหารกลุ่มเอสซีจี, พีทีที และอีกหลายกลุ่มเข้าร่วม บรรยากาศของห้าง Lulu hypermarket คลาคล่ำไปด้วยผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารฮาลาลจากประเทศไทย 2,000 -3,000 รายการ
รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รู้สึกปลื้มใจที่รู้ว่าคนซาอุฯนิยมอาหารไทยค่อนข้างมาก ซอฟท์พาวเวอร์ด้านอาหารไทย วัฒนธรรมไทยได้รับการยอมรับสูง
“ผมให้สัมภาษณ์นักข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ที่ติดตามมาด้วยว่า ภาพลักษณ์การรับรองฮาลาลของประเทศไทยในลักษณะ ‘ศาสนานำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีฮาลาลตาม’ ค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบ ผลิตภัณฑ์อาหารไทยผ่านการรับรองฮาลาลจากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแล้วกว่า 1.7 แสนรายการ แม้ส่วนใหญ่จำหน่ายในประเทศ ทว่าหลายหมื่นรายการส่งออกมายังต่างประเทศ การฟื้นฟูสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศไทยกับซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ เปรียบเสมือนประตูบานใหญ่อีกหนึ่งบานที่เปิดออกสำหรับอาหารฮาลาลจากประเทศไทย เป็นความสำเร็จที่คนไทยทุกคนต้องร่วมกันภาคภูมิใจ” รศ.ดร.วินัย กล่าว