“ฮารีรายออีฎิลฟิตรี” เป็นวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นวันรื่นเริงประจำปีที่ชาวมุสลิมจะเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกันกับครอบครัว และได้พบปะสังสรรค์กับญาติพี่น้องเพื่อนฝูง เพื่อขออภัยซึ่งกันและกัน
“วันรายอ” ยังเป็นวันแรกของการออกจากการถือศีลอดของชาวมุสลิม เป็นวันแห่งรางวัลและการตอบแทนสำหรับผู้ผ่านการทดสอบประจำปีในเดือนรอมฎอนด้วยการบังคับตัวเองจากการลด ละ การกินดื่ม กิเลสตัณหา และได้ละหมาดตะรอเวี๊ยะ เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มตลอดค่ำคืนของเดือนรอมฎอน
หลังจากจุฬาราชมนตรีประกาศให้ “วันอีฎิลฟิตรี” ฮิจเราะห์ศักราช 1443 ตรงกับวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.65 ทำให้บรรยากาศของเทศกาล “ฮารีรายออีฎิลฟิตรี” ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปอย่างคึกคัก
ในช่วงเช้าตามมัสยิดต่างๆ ทั่วทุกตำบล กว่า 1,000 มัสยิด พี่น้องมุสลิมพากันเตรียมตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่ และเดินาทงไปร่วมละหมาดเนื่องในวันฮารีรายออีฎิลฟิตรีเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการปลดล็อกจาก 2 ปีที่ผ่านมาที่ไม่สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยทุกคนต่างปฏิบัติตัวป้องกันโรคระบาดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด
เช่นเดียวกับที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั้งชายและหญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่และเด็กๆ ร่วมกันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่อย่างสวยงามตามแบบอย่างของอิสลาม ทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เบิกบานใจ หอบลูกจูงหลานเข้าพิธีละหมาดเนื่องในวันฮารีรายออีฎิลฟิตรี โดยมีผู้ร่วมละหมาดมากถึงกว่า 5,000 คน ซึ่งพิธีละหมาดถือเป็นพิธีที่สำคัญอย่างยิ่งในวันฮารีรายออีฎิลฟิตรี เพื่อขอประทานอภัยโทษต่อพระผู้เป็นเจ้าต่อการกระทำบาปในรอบหนึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา และเป็นการขออภัยซึ่งกันและกันระหว่างผู้คนในชุมชน จากเรื่องราวต่างๆ ที่อาจจะล่วงเกินกันไว้
นอกจากนี้พี่น้องประชาชนในพื้นที่พากันขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าให้เกิดความสันติสุข จากนั้นมีการบริจาคทานให้กับเด็กๆ และคนยากไร้ บางแห่งจัดงานเลี้ยง และแวะเวียนเยี่ยมเยียนพบปะพี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย มีการเตรียมสำรับอาหาร ไว้ทานกันพร้อมหน้าพร้อมตาโดยถ้วนหน้ากัน
ส่วนบรรยากาศที่มัสยิดกลางใน อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นมัสยิดที่มีประชาชนเดินทางไปร่วมละหมาดเนื่องในวันฮารีรายออย่างเนื่องแน่นทุกปี ปรากฏว่าปีนี้มีประชาชนเดินทางไปร่วมละหมาดจนล้นออกมาด้านหน้าของมัสยิดกลาง ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก เนื่องจากว่าประชาชนต่างรอคอยการละหมาดอีฎิลฟิตรีมากว่า 2 ปีแล้ว
นอกจากนี้ ทางมัสยิดยังได้ตกแต่งประดับประดาป้ายตัวหนังสือบ่งบอกถึงวันฮารีรายออีฎิลฟิตรีอย่างสวยงาม ทำให้ประชาชนที่ร่วมเดินทางมาละหมาดพากันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเปี่ยมมิตรภาพ