สงขลาพบนักเรียนติดโควิดหลังเปิดเรียน On site สุดท้ายหลายโรงเรียนต้องกลับมาเรียน On line เหมือนเดิม ด้านจังหวัดเข้มมาตรการเข้า –ออกพื้นที่ ต้องรับวัคซีนครบ 3 เข็ม ส่วน สสจ.ยะลา เผยพบเด็ก 5-11 ปีติดเชื้อ เร่งฉีดวัคซีนป้องกันแพร่ระบาด
สถานการณ์การแพร่บาดของเชื้อโควิด-19 ใน จ.สงขลา ช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเริ่มขยับขึ้นมาอยู่หลักร้อย มากกว่า 200 ราย ทั้งยังมีรายงานพบการติดเชื้อในกลุ่มนักเรียนอย่างต่อเนื่องในสถานศึกษาบางแห่งในพื้นที่ ซึ่งเป็นผลจากการที่โรงเรียนเริ่มเปิดเรียนแบบ On site มาระยะหนึ่ง ทำให้หลายโรงเรียนได้ประกาศปรับการเรียนการสอนกลับมาเป็นแบบ On line อีกครั้ง เพื่อทำการสอบสวนโรคในกลุ่มนักเรียนและครูที่เป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง รวมถึงป้องกันการแพร่กระจายของโรคในสถานศึกษา
วันอังคารที่ 22 ก.พ.65 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 212 ราย ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 22 ก.พ.65 รวม 4,970 ราย กำลังรักษาตัว 1,222 ราย รักษาหายกลับบ้าน 189 ราย และเสียชีวิตสะสม 22 ราย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ขณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ดูแลได้ มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 3 ในประชาชนทุกกลุ่ม
ที่ประชุมมีมติให้ทางจังหวัดประกาศมาตรการเข้มในการคัดกรองสำหรับประชาชนที่จะเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ โดยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วเท่านั้น รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องฉีดวัคซีน 3 เข็ม จัดสถานที่แบบเว้นระยะห่าง ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความปลอดภัย
สำหรับการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว ทางจังหวัดได้ร่วมกับภาคเอกชนในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ส่วนการจัดตั้งศูนย์แยกกักผู้ป่วยในชุมชน หรือ community isolation ตามโครงการ “ 1 CI 1 ท้องถิ่น” เพื่อรองรับผู้ป่วยให้ทันกับการแพร่ระบาดของโรคนั้น ขณะนี้ทางจังหวัดมีศูนย์แยกกักผู้ป่วยในชุมชนทั้ง 16 อำเภอ รวม 92 แห่ง รองรับได้ 6,844 เตียง โดยเปิดใช้บริการเพียง 22 แห่ง และรองรับได้ประมาณ 3,000 กว่าเตียง
@@ ยะลาเร่งฉีดวัคซีนเด็ก หลังพบนักเรียน 5-11 ปีติดโควิด
ด้าน นพ.วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในพื้นที่ จ.ยะลา ว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการและมีกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น การเปิดกิจการ กิจกรรม โรงเรียน ประชาชนบางส่วนการ์ดตกหย่อนยานมาตรการป้องกันตน ปัจจัยเสี่ยงจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งในบ้าน ชุมชน โรงเรียน ประกอบกับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ยังคงออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ โดยที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อและไม่ได้เข้าสู่ระบบการกักตัว/ดูแลรักษา ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไปให้ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จ.ยะลา วันอังคารที่ 22 ก.พ. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 65 ราย /สะสม 1,241 ราย / ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยยอดเสียชีวิตสะสม 12 ราย (นับตั้งแต่ 1 ม.ค.65 ) ขณะที่หายป่วยสะสมแล้ว 1,119 ราย มีผู้ป่วยกำลังรักษา 1,605 ราย ส่วนใหญ่ดูแลรักษาในระบบ HI (กักตัวดูแลรักษาที่บ้าน) 1,223 ราย รองลงมาดูแลรักษาในระบบ CI (กักตัวในชุมชน) 167 ราย ส่วนที่เหลือ 215 ราย กระจายอยู่ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน
นายแพทย์ สสจ.ยะลา กล่าวเน้นย้ำถึงมาตรการการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนว่า ยังสามารถใช้มาตรการ V-U-C-A (Vaccine :ฉีดครบ ลดป่วยหนัก Universal Prevention : ป้องกันตนเองสูงสุด ตลอดเวลา COVID Free Setting : สถานประกอบการ/องค์กรปลอดภัย พร้อมให้บริการ และ ATK : พร้อมตรวจเสมอเมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ) พร้อมขอความร่วมมือประชาชน และทุกภาคส่วนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ป่วยโควิดที่เสียชีวิต 80% เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีน จึงขอให้มารับวัคซีนกันให้ครบถ้วน และหากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วเกิน 3 เดือน (ภูมิต้านทานลดลง) ขอให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) ซึ่งจะช่วยยับยั้งโอมิครอน ลดป่วยหนัก ลดแพร่ระบาด และในช่วงนี้จะพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มนักเรียนมากขึ้น (5-11 ปี) แม้ส่วนใหญ่จะอาการค่อนข้างน้อย แต่ต้องเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในครอบครัว และไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย