ปีเสือดุ ไม่ได้ดูแค่เสือ แต่โซเชียลฯก็ดูไม่แพ้กัน เพราะได้แว้งกัดอินฟลูเอนเซอร์คนดัง ทั้งในแวดวงการเมืองและอดีตคนห่มเหลืองมาแล้วหลายราย
พันธ์ศักดิ์ อาภาขจร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร สรุปบทเรียนจาก “อดีต 2 พส.” ที่โด่งดังอย่างมากจากโซเชียลมีเดีย จากนั้นก็ไม่นานก็เสื่อมความนิยมลง หรือถูกวิจารณ์อย่างหนักเพราะโซเชียลมีเดีย โดยบอกว่า โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มเดียวกัน สามารถให้ทั้งรางวัลและแว้งกัดคนได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ความเด่นดังจากโซเชียลมีเดียจึงเป็นเหมือนการถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ที่คนจำนวนไม่มากนักจะถูกได้ ซึ่ง “ทิดไพรวัลย์” กับ “ทิดสมปอง” เคยถูกรางวัลนั้นมาแล้ว
เมื่อโซเชียลมีเดียกลับมาแว้งกัด ก็เหมือนกับว่าท่านกำลังสูญเสียรางวัลเหล่านั้นไป เพราะแทงหวยบนโซเชียลมีเดียไปจนเกือบหมดหน้าตักแล้ว ใครก็ตามที่ใช้โซเชียลมีเดียจึงต้องยอมรับผลนั้นๆ ทั้งในทางลบและทางบวกในเวลาเดียวกัน
รางวัลใหญ่ที่ท่านได้รับจนเป็น “ไวรัล” บนโลกออนไลน์นั้น แสดงให้เห็นว่าความมีชื่อเสียงของพระนักเทศน์เอง ประกอบกับการไลฟ์สดซึ่งเป็นการเผยแผ่ธรรมะแบบนอกกรอบ (Out of ordinary) เป็นความแปลกใหม่ในวงการสงฆ์ ทำให้การเทศน์ไลฟ์สดบนโลกออนไลน์ถือว่าประสบความสำเร็จ และได้รับการกล่าวถึงทั้งในทางชื่นชมและตำหนิติเตียนในเวลาเดียวกัน
แต่รางวัลที่ท่านได้รับในครั้งนั้นหรือครั้งก่อนหน้า กำลังถูกเอาคืนด้วยการกระทำของท่านเอง เนื่องจากการใช้โซเชียลมีเดียมากจนเกินไปในแง่มุมที่ล่อแหลมต่อการถูกโจมตีได้
อาจารย์พันธ์ศักดิ์ บอกด้วยว่า ความดังของทั้งสองคน นอกจากจะมาจากโซเชียลมีเดียแล้ว อานิสงส์ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากอิทธิพลของความเป็นพระ แต่หลังจากนี้ไปก็คงเป็นตัวของท่านเอง แต่ทุนทางโซเชียลฯที่ท่านได้รับมาจากบุญแห่งผ้าเหลืองก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะลดลงไปบ้างก็ตาม
ถ้าท่านรักษาทุนทางโซเชียลฯนั้นไว้ต่อ ท่านก็จะยังคงยืนระยะไปได้อีกสักพัก เพราะโลกของโซเชียลฯคือโลกที่ผู้ที่มีทุนของความมีชื่อเสียงอยู่แล้วสามารถจะต่อทุนนั้นออกไปได้อีก ตามกฎที่เรียกว่า Matthew effect ซึ่งเป็นแนวคิดที่อธิบายว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะยิ่งรวยยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความรวยช่วยสร้างโอกาส ส่วนคนที่จนอยู่แล้วก็จะยิ่งจนลง เพราะถูกช่วงชิงโอกาสที่มีอยู่น้อยไป
ฉะนั้น ทิดสึกใหม่ทั้งสองจึงยังสามารถรักษาทุนทางโซเชียลฯไว้ได้ เว้นแต่ว่าท่านจะใช้ทุนนั้นให้หมดไปด้วยความรวดเร็วจากการกระทำของตัวเอง
@@ “ดาบสองคม” ในมือนักการเมือง
ส่วนบรรดานักการเมืองซึ่งเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เชี่ยวชาญการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารความคิดความอ่าน และปรากฏภาพความน่าเชื่อถือผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ก็กำลังต้องเผชิญกับ “ดาบสองคม” ของโซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโซเชียลมีเดียถูกนำไปใช้ด้วยความหลากหลายวัตถุประสงค์ และหนึ่งในนั้นคือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง
ผู้นำประเทศ เช่น อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการสื่อสารด้วยความฉับไวและแสดงพลังอำนาจทางการเมืองของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ Twitter ในการสื่อสารให้โลกรู้ถึงความเคลื่อนไหวของตัวเองและนโยบายของพรรครีพับลิกันในฐานะรัฐบาล
หลายต่อหลายครั้ง ความฉับไวของโซเชียลมีเดียจากนิ้วมือของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความสับสนและงงงวยต่อชาวอเมริกันและชาวโลกเมื่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงถูกสื่อสารออกไป แม้จะมีการแก้ไขด้วยข่าวอื่นๆ ในภายหลัง แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นในบางกรณีสายเกินไปที่จะแก้ไข
หนึ่งในตัวอย่างที่ฝ่ายสนับสนุน ทรัมป์ ใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างกระแสความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งหลังจากอดีตประธานาธิบดีแพ้การเลือกตั้ง ตลอดจนข้อความจากทรัมป์เองและความเชื่อเรื่องทฤษฎีสมคบคิดที่ถูกปลูกฝังมาอย่างยาวนานได้กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ปะทุบนโซเชียลมีเดีย จนนำไปสู่การจลาจลที่ “แคปิตอล ฮิลล์” อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2020 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และเป็นเหตุการณ์ที่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในแผ่นดินที่เรียกตัวเองว่าแผ่นดินแห่งโอกาส เสรีภาพ และประชาธิปไตย
และยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าโซเชียลมีเดียคือแหล่งข่าวที่สามารถสร้างความโกลาหลทางการเมืองได้ทุกขณะ
@@ อาวุธเรียกคะแนน บิดเบือน-ลืมมารยาทการเมือง
นักการเมืองไทยนิยมใช้โซเชียลมีเดียไม่แพ้ใคร หลายต่อหลายครั้งมีการนำข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่มีที่มาที่น่าเชื่อถือไปอภิปรายหลอกด่าฝ่ายตรงข้ามในสภา และบางโอกาสมีการนำข้อมูลที่อภิปรายในสภาออกมาเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียบนบัญชีของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมองว่าตนเองเป็นผู้อยู่ใน “วงในของข่าว” และบ่อยครั้งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสภา จนถูกตำหนิและต้องมีการลบข้อมูลนั้นออกในภายหลัง แต่คนส่วนใหญ่ได้รับรู้หรือเชื่อต่อข้อมูลเท็จนั้นไปแล้ว
หรือแม้แต่ในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาในภาคใต้ พลันที่รู้ผลแพ้-ชนะ นักการเมืองคนหนึ่งโพสต์ข้อความในทันทีว่าฝ่ายตรงข้าม “ซื้อเก่ง“ ซึ่งนัยทางการเมืองสำหรับคนไทยทราบดีว่าหมายถึงซื้ออะไร แม้ว่าเจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธในภายหลังว่า “ซื้อใจ” ก็ตาม
การใช้โซเชียลมีเดียของนักการเมืองจึงไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นผู้ทรงเกียรติที่ผู้คนมักจะยกย่องกันมากจนเกินความเป็นจริง การแสดงออกผ่านโซเชียลมีเดียของนักการเมืองประเภทดังกล่าวนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงตัวตนของนักการเมืองผู้นั้นแล้ว นักการเมืองเหล่านั้นกำลังทำลายความน่าเชื่อถือในความเป็นนักการเมืองทั้งต่อตนเองและสถาบันทางการเมืองด้วย
โซเชียลมีเดียจึงเป็นอาวุธที่นักการเมืองบางคนใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ตัวเองดูดีหรือเรียกคะแนนเสียงจากกองเชียร์ แม้ว่าจะบิดเบือนข้อเท็จจริงและลืมมารยาททางการเมืองไปก็ตาม
แม้ว่าโซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มจะเป็นลักษณะใช้งานเฉพาะกลุ่ม และนักการเมืองมักใช้ติดต่อสื่อสารกันเฉพาะกลุ่ม หรือภายในพรรค หรือกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม โลกของโซเชียลมีเดียเป็นโลกที่ไม่มีความเป็นส่วนตัว และเป็นสื่อที่เราไม่สามารถควบคุมได้เมื่อมีการใช้งานร่วมกับบุคคลอื่น ทั้งแบบเป็นส่วนตัวหรือเป็นกลุ่ม เพราะใครก็ตามอาจนำข้อความที่พูดคุยกันในบริบทหนึ่งไปเผยแพร่ทางสาธารณะหรือกับคนบางกลุ่มซึ่งอาจเข้าใจไปอีกทางหนึ่ง จนเกิดความเข้าใจผิดหรือเกิดความเสียหายทางการเมืองได้
การที่ข้อความจากไลน์กลุ่มของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งในพรรคพลังประชารัฐหลุดออกไปจากกลุ่มและเป็นข่าวดังทั่วไป จึงสะท้อนให้เห็นถึงการใช้โซเชียลมีเดียได้ในหลายแง่มุม และที่สำคัญคือมีการนำโซเชียลมีเดียไปใช้ชิงเหลี่ยมคูกันทางการเมือง จนนำมาซึ่งจุดแตกหักที่สามารถทำลายพรรคการเมืองนั้นลงในชั่วพริบตา