กระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบีย ประกาศพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” รายแรก ทำให้ “คณะผู้แสวงบุญ” หรือ “ฮุจญาต” จากประเทศไทยที่เดินทางไปทำอุมเราะห์ รู้สึกเครียด ตกใจ แต่ก็พยายามยกการ์ดสูงเพื่อป้องกันโควิดไม่ให้รุกรานระหว่างภารกิจทางศาสนา
ช่วงนี้ที่ซาอุอาระเบีย เปิดให้ชาวต่างชาติเข้าไปทำ “อุมเราะห์” ได้ โดย “อุมเราะห์” หมายถึง การเดินทางไปแสวงบุญและปฏิบัติศาสนากิจที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยคำว่า “อุมเราะห์” ในภาษาอาหรับ หมายถึง การเยี่ยมเยียนสถานที่พำนักของท่านศาสดา
การทำอุมเราะห์ เรียกง่ายๆ ว่า “การแสวงบุญเล็ก” ใช้เวลาประมาณ 15 วัน ต่างจากการทำ “ฮัจย์” หรือ “การแสวงบุญใหญ่” ซึ่งใช้เวลานานกว่า และกำหนดให้มุสลิมทุกคนที่มีความสามารถต้องปฏิบัติ แต่การทำอุมเราะห์นั้นไม่ได้เป็นภาคบังคับ หากมีโอกาสได้ไปและใช้เวลาอยู่ในมัสยิดฮารอมหลายวัน ก็จะยิ่งได้รับผลบุญมาก
ผู้แสวงบุญ หรือ “ฮุจญาต” จากประเทศไทย จำนวน 112 คน ตามโครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. เดินทางไปทำพิธี “อุมเราะห์” ในช่วงนี้พอดี ทำให้แพทย์ประจำคณะผู้แสวงบุญ ต้องยกระดับมาตรการป้องกันโควิดของบรรดาฮุจญาต
นพ.มูฮำหมาด ละใบจิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นแพทย์ประจำคณะผู้แสวงบุญ บอกว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้แสวงบุญ และออกมาตรการเพิ่มเติมให้กับผู้แสวงบุญ โดยต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งต้องเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลสุขภาพของตนเอง หากพบว่ามีผู้เจ็บป่วย ต้องแจ้งทีมแพทย์ทันที เพื่อเฝ้าระวังป้องกัน และจำกัดความเสี่ยง
รุสนานี เจ๊ะเลาะ หญิงมุสลิมวัย 40 ปี จากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บอกว่า รู้สึกตกใจที่ซาอุฯพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ เพราะซาอุฯไม่พบผู้ติดเชื้อมานานระยะหนึ่งแล้ว หลังจากนี้คงต้องป้องกันตนเองมากขึ้น ยกการ์ดให้สูง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เหมือนตอนอยู่ประเทศไทย เพื่อป้องกันตนเอง
สำหรับผู้แสวงบุญทั้ง 112 คน เป็นกลุ่มที่ได้รับเลือกจากผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกลุ่มคนทำดี มีคุณธรรม ซึ่งได้รับการยอมรับจากชุมชนในพื้นที่ โดยมี ศอ.บต.เป็นเจ้าของโครงการ ใช้งบประมาณ 14 ล้านบาท ถือเป็นการเยียวยาจิตใจให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ขัดแย้งและความรุนแรงที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 18 ปี
ผู้แสวงบุญจำนวน 112 คน มาจาก จ.ปัตตานี 29 คน ยะลา 43 คน นราธิวาส 45 คน สงขลา 4 คน และสตูล 1 คน เดินทางถึงเมืองมาดีนะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบียตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.64
สำหรับกิจกรรมของผู้แสวงบุญ จะมีการทำพิธีในเมืองมาดีนะห์ 5 วัน และที่นครมักกะฮ์เป็นเวลา 8 วัน จากนั้นเมื่อทำพิธีอุมเราะห์เสร็จ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จะมีการนำคณะไปทำกิจกรรมต่อที่ จ. ภูเก็ต อีก 6 วันด้วย
ยูไมดะ ยูโซ๊ะ หญิงวัย 55 ปีจาก จ.ยะลา ซึ่งสามีเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เผยความรู้สึกว่า ดีใจมากที่ได้มาทำอุมเราะห์ สามีเสียชีวิตหลายปีแล้ว ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ก็ไม่คิดว่าจะได้มา หลังจากที่รู้ว่าจะได้มาก็ดีใจมากที่จะได้เป็นแขกของอัลลอฮ์ โดยเฉพาะการทำอุมเราะห์ช่วงโควิด-19 คิดว่าต้องเป็นคนมีบุญมากๆ ที่อัลลอฮ์ให้ได้มาที่บ้านของอัลลอฮ์ พอมาถึงก็ยิ่งดีใจที่สุด
“ขอบคุณอัลลอฮ์ที่ตอบรับดุอาร์ ขอบคุณ ศอ.บต.ที่ให้โอกาสให้ได้ทำอุมเราะห์ เป็นการเยียวยาที่ถูกใจที่สุดและรอคอยมาตลอด ขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ” ยูไมดะ กล่าว