สำนักงานศาลยุติธรรม ร่อนแถลงการณ์ยืนยัน "ศาลจังหวัดปัตตานี" ส่งหมายจับ “เสี่ยโจ้” สหชัย เจียรเสริมสิน ให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และผู้กำกับการ สภ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ตั้งแต่ 9 ต.ค 57 และส่งซ้ำอีกหมายเมื่อคดีถึงที่สุด
วันนี้ 11 พ.ย.64 ตามที่ปรากฏข่าวเผยแพร่ตามสื่อมวลชนต่างๆ กรณี นายสหชัย หรือ “โจ้” เจียรเสริมสิน ได้รับการปล่อยตัวไปหลังจากพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยมีการให้ข้อมูลว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายสหชัย หรือโจ้ ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ 60/2564 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน แต่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจส่งตัวนายสหชัย หรือโจ้ แก่พนักงานอัยการแล้ว นายสหชัย หรือโจ้ ได้รับการปล่อยตัวไป โดยที่ไม่ได้ส่งตัวนายสหชัยหรือโจ้ เพื่อไปบังคับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดปัตตานี ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับดวงตรา เนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจตรวจสอบในสารบบแล้วพบว่ามีหมายจับนายสหชัยหรือโจ้ ของศาลจังหวัดสงขลาเพียงหมายจับเดียว โดยไม่พบหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี เจ้าพนักงานตำรวจจึงมิได้นำตัวนายสหชัย หรือโจ้ ส่งไปยังศาลจังหวัดปัตตานี นั้น
สำนักงานศาลยุติธรรมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฎว่าศาลจังหวัดปัตตานีมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 2773/2557 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2557 ให้ลงโทษจำคุกนายสหชัย หรือโจ้ มีกำหนด 1 ปี 9 เดือน ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับดวงตราฯ แต่นายสหชัย หรือโจ้ หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าพนักงานไปในวันดังกล่าว
ศาลจังหวัดปัตตานีจึงได้ออกหมายจับ ที่ 223/2557 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557และส่งหมายจับฉบับดังกล่าวให้แก่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแหลม แล้ว ตามหนังสือศาลจังหวัดปัตตานี ที่ ศย.09.007/8711 และศย.309.007/8712 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 ตามลำดับ
ทั้งเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว โดยพิพากษายืน ศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมายจับ ที่ 68/2558 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 เพื่อจับนายสหชัยหรือโจ้ มารับโทษตามคำพิพากษาด้วยแล้ว และได้ส่งหมายจับฉบับใหม่นี้ให้แก่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแหลม แล้วเช่นกัน ตามหนังสือศาลจังหวัดปัตตานี ที่ ศย.309.007/4128 และ ศย.309.007/4129 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ตามลำดับ จึงชี้แจงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
@@ แฉเคยถามตำรวจได้หมายจับหรือไม่ แต่ไม่เคยมีคำตอบ
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ออกแถลงการณ์ตอนหนึ่งทำนองว่า เหตุที่ไม่ตัว “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินค้าน้ำมันเถื่อนที่ถูกจับกุมได้ที่ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ ไปรับโทษตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดปัตตานี พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 9 เดือนในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารใช้ดวงตราประทับไม้ปลอมนั้น เนื่องจากตรวจสอบในสารบบแล้วไม่พบว่า มีหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี มีเพียงหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา จึงคุมตัวไปส่งอัยการจังหวัดสงขลา แต่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง จึงปล่อยตัว “เสี่ยโจ้” ไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้พิพากษา ได้รับคำอธิบายว่า หลังจากมีข่าวได้ตรวจสอบไปยังศาลจังหวัดปัตตานี จึงทราบว่าความจริงแล้วศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” ให้ตำรวจจับกุมตัวมารับโทษในคดีปลอมเอกสาร ซึ่งศาลปัตตานีพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน เเละให้ออกหมายจับปรับนายประกัน ตั้งเเต่ช่วงปี 2557 เเล้ว และศาลได้ส่งหมายไปยัง สภ.ท้องที่เกิดเหตุ และส่งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีแล้ว โดยในหมายมีลายเซ็นตำรวจท้องที่เซ็นรับทราบหมายแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตำรวจได้นำหมายจับเข้าสู่ในสารบบของตำรวจหรือไม่
หลังจากมีการออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” แล้ว ต่อมาจำเลยมีการยื่นอุทธรณ์คดีตามกฎหมายเก่า แม้จำเลยหลบหนีก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ (ปัจจุบันต้องมีตัวจำเลยถึงยื่นอุทธรณ์ได้) เเละศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 1 ปี 9 เดือน จึงมีการออกหมายเพื่อนำตัวจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้งในปี 2558
จนกระทั่งต่อมาในปี 2561 ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปัตตานี ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งว่า ได้รับหมายจับหรือไม่ เพราะผ่านมานานกว่า 3 ปีแล้ว ยังไม่จับจำเลยมาส่งศาล แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมายังศาลจังหวัดปัตตานีแต่อย่างใด
@@ ยอมรับ ตร.ขอคัดสำเนาหมายจับ ตอนแรกหาไม่เจอเหตุย้ายที่ทำการ
ส่วนกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งหนังสือคัดสำเนาหมายจับมาที่ศาลจังหวัดปัตตานี (เมื่อวันที่ 5 พ.ย.64 ตามเอกสารของกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ตามที่ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา นำเสนอไปแล้ว) จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งหนังสือไปยังศาลจังหวัดปัตตานี วันที่ 5 พ.ย.2564 ช่วงบ่ายสองโมงกว่าๆ (บอกว่า ล็อคเป้าเสี่ยโจ้ได้แล้ว กำลังจะเข้าทำการจับกุม) ทางศาลปัตตานีก็เร่งสืบค้นให้อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ศาลจังหวัดปัตตานีมีการย้ายอาคารทำการ จึงทำการค้นหาเเละเจอหมายจับในวันที่ 6 พ.ย.เเละส่งหมายจับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ตำรวจไปเอาหมายจับคดีฟอกเงินของศาลจังหวัดสงขลาไปจับ แล้วปรากฏว่า อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี
แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้พิพากษา บอกด้วยว่า ทางตำรวจไม่เคยนำตัว “เสี่ยโจ้” มาส่งให้ศาลจังหวัดปัตตานีเลย ล่าสุดส่งหมายจับไปให้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ซึ่งเป็นวันทำการ และที่ผ่านมาเมื่อศาลมีคำพิพากษาจำคุกทั้งสองศาล ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ก็ทำการส่งหมายจับไปตำรวจท้องที่ รวมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีทั้ง 2 ครั้ง ปี 2557 และปี 2558 มีลายเซ็นตำรวจเซ็นรับหมาย
“พูดง่ายๆ คือตำรวจมีหมายจับเสี่ยโจ้ติดตัวอยู่แล้ว จะมาอ้างไม่ได้ว่าไม่มีหมายจับคงไม่ได้” แหล่งข่าว กล่าว