ศอ.บต.เตรียมความพร้อมผู้เดินทางประกอบพิธี “อุมเราะห์” หลังซาอุดิอาระเบียเพิ่มมาตรการเข้มป้องกันโควิดในทุกกิจกรรมทางศาสนา ส่วนมาเลเซียปล่อยผู้ต้องขังชาวไทย 102 คนกลับประเทศ ด้านตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ชายแดนใต้ 1,191 ราย เสียชีวิต 10 ศพ
วันพุธที่ 10 พ.ย.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ปรากฏว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ยังทรงตัว
โดยที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่กว่า 200 ราย ส่วน จ.ปัตตานี ผู้ติดเชื้อใหม่ขึ้นๆลงๆ อยู่ที่ 300 กว่าราย ขณะที่ จ.สงขลา ยังมีตัวเลขติดเชื้อรายใหม่สูงที่สุด เป็นรองแค่กรุงเทพฯ
จากข้อมูลของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พบว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมของสามจังหวัดชายแดนใต้และสงขลา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 10 พ.ย.64 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ (ไม่รวมผู้ต้องขังในเรือนจำ) อยู่ที่ 175,439 ราย
ส่วนรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รวม 1,191 ราย และเสียชีวิต 10 ราย แยกตามจังหวัดได้ดังนี้
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 479 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 53,010 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 52,987 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 5,931 ราย รักษาหายแล้ว 46,887 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตใหม่ 5 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 192 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 4,892 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 11,922 ราย, อ.เมืองสงขลา 7,214 ราย, อ.จะนะ 6,841 ราย, อ.สิงหนคร 4,776 ราย, อ.สะเดา 4,087 ราย, อ.เทพา 3,984 ราย, อ.รัตภูมิ 3,253 ราย, อ.สะบ้าย้อย 3,152 ราย, อ.นาทวี 1,403 ราย, อ.บางกล่ำ 1,206 ราย, อ.ระโนด 923 ราย, สทิงพระ 797 ราย, ควนเนียง 633 ราย, อ.นาหม่อม 555 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 338 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 74 ราย, เป็นกรณีเรือนจำ รวม 1,168 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 661 ราย และจากต่างประเทศ 23 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 318 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 41,877 ราย รักษาหายแล้ว 25,102 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 3 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 401 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 208 ราย, โรงพยาบาลสนามจังหวัด 261 ราย, โรงพยาบาลประจำอำเภอ 1,143 ราย, โรงพยาบาลชุมชน 576 ราย, โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร 4 ราย, โรงพยาบาลสนามค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย 67 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 52 ราย, สิโรรส-ปาร์ควิว ฮอสพิเทล 201 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส เรนโบว์ ฮอสพิเทล 124 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์สะพานปูน 20 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์โรงยิมบานา 70 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์ เซาท์เทิร์น วิว 220 ราย และ Home Isolation 1,861 ราย
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันสะสมแยกตามรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 10,671 ราย, อ.ไม้แก่น 1,053 ราย, อ.ยะหริ่ง 3,285 ราย, อ.หนองจิก 4,109 ราย, อ.โคกโพธิ์ 2,369 ราย, อ.สายบุรี 5,181 ราย, อ.แม่ลาน 604 ราย, อ.ยะรัง 3,976 ราย, อ.ปะนาเระ 1,580 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 1,936 ราย, อ.มายอ 4,305 ราย และ อ.กะพ้อ 1,663 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 192 ราย แยกเป็นพื้นที่ อ.เมือง 29 ราย, อ.ยี่งอ 20 ราย, อ.จะแนะ 22 ราย, อ.สุคิริน 3 ราย, อ.รือเสาะ 12 ราย, อ.บาเจาะ 39 ราย, อ.ระแงะ 6 ราย, อ.สุไหงปาดี 38 ราย และ อ.สุไหงโก-ลก 23 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 39,398 ราย รักษาหายสะสม 37,443 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 373 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 7,774 ราย, อ.ระแงะ 4,661 ราย, อ.รือเสาะ 2,106 ราย, อ.บาเจาะ 3,359 ราย, อ.จะแนะ 1,645 ราย, อ.ยี่งอ 2,902 ราย, อ.ตากใบ 3,015 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 3,322 ราย, อ.สุไหงปาดี 3,269 ราย, อ.ศรีสาคร 2,049 ราย, อ.แว้ง 2,139 ราย, อ.สุคิริน 1,015 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 2,142 ราย
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 202 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 43,826 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 5,066 ราย รักษาหายแล้ว 41,114 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 303 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 15,581 ราย, อ.เบตง 4,315 ราย, อ.รามัน 5,978 ราย, อ.ยะหา 5,259 ราย, อ.บันนังสตา 6,792 ราย, อ.ธารโต 2,316 ราย, อ.กาบัง 1,143 ราย และ อ.กรงปินัง 2,442 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 5,066 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลยะลา 156 ราย, โรงพยาบาลเบตง 105 ราย, โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 6 แห่ง 404 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 110 ราย, โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 110 ราย, โรงพยาบาลสนามเบตง 97 ราย, โรงพยาบาลสนามรามัน 125 ราย, โรงพยาบาลสนามบันนังสตา 26 ราย, โรงพยาบาลสนามยะหา 201 ราย, โรงพยาบาลสนามธารโต 33 ราย, โรงพยาบาลสนามกรงปินัง 127 ราย, โรงพยาบาลสนามกาบัง 44 ราย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศอ.12 ยะลา 29 ราย, Hospitel ( 2 แห่ง ) 90 ราย, Hospitel เบตง 194 ราย, ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) 2,175 ราย , ผู้ป่วยแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) 1,040 ราย
@@ เตรียมพร้อมผู้แสวงบุญอุมเราะห์ก่อนไปซาอุฯ
ที่ห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานการการเปิดประชุมเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ (หมายถึงทำฮัจย์เล็ก ระยะเวลา 15 วัน) พร้อมมอบกระเป๋าเดินทางให้กับผู้แสวงบุญ ภายใต้กิจกรรมสนับสนุนการประกอบพิธีอุมเราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2564 ฮิจเราะห์ศักราช 1443
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ผ่านการคัดเลือกไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ประจำปี ฮ.ศ. 1443 จำนวน 112 คน แบ่งเป็น จ.ปัตตานี 29 คน จ.ยะลา 43 คน จ.นราธิวาส 45 คน จ.สงขลา 4 คน และ จ.สตูล 1 คน ซึ่งจะเดินทางเดินทางระหว่างวันที่ 28 – 29 พ.ย.64 โดยจัดการประชุมแยกเป็นจังหวัด เพื่อจำกัดจำนวนคนตามมาตรการของ ศบค. ทั้งนี้ ได้มีการถ่ายทอดสดผ่านระบบ Zoom ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ จ.ปัตตานี และนราธิวาส ได้รับชม รับฟังไปพร้อมๆ กัน
พล.ร.ต.สมเกียรติ ได้กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ที่ได้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ซึ่งถือเป็นภารกิจที่สำคัญของพี่น้องมุสลิม เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของมุสลิมทุกคน รัฐบาลและ ศอ.บต.พร้อมทำหน้าที่ในการสร้างโอกาสให้ได้เดินทางไปในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ได้เดินทางไปในครั้งนี้ถือเป็นทูตของประเทศไทยในการไปทำหน้าที่ในฐานะคนไทย ขอให้การเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ประสบความสำเร็จ เมื่อกลับมาแล้วขอให้กลับมาทำประโยชน์ให้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคนดีของครอบครัว เป็นคนดีของสังคม และช่วยกันสร้างสรรค์ความสุข ความเจริญให้กับประเทศชาติต่อไป
ด้าน นายแพทย์ซุลกิฟลี ยูโซะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม้แก่น จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นแพทย์ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ และจะทำหน้าที่ดูแลด้านสุขภาพของผู้แสวงบุญด้วย เผยถึงมาตรการความปลอดภัยในช่วงประกอบพิธีอุมเราะห์ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ว่า ทางการซาอุดิอาระเบียได้มีมาตรการให้ผู้จะเดินทางไปแสวงบุญต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งต้องมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR เป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
เมื่อเดินทางไปถึงต้องลงทะเบียนผ่านแอพลิเคชั่นของทางซาอุดิอาระเบียที่แสดงถึงการได้รับวัคซีนแล้ว โดยทุกกิจกรรมที่ทำจะใช้มือถือในการสแกนว่ามีคุณสมบัติที่จะเข้าสถานที่ต่างๆ ได้หรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความเข้มงวดมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การไปประกอบพิธีอุมเราะห์ถือเป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญของพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก สามารถกระทำได้ตลอดทั้งปี โดยในแต่ละเดือนจะมีชาวมุสลิมหลายหมื่นคนจากทั่วโลกเดินทางไปอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และในปีนี้ทางการของซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศให้ผู้แสวงบุญชาวมุสลิมทั่วโลกสามารถเข้าร่วมพิธีอุมเราะห์ได้
@@ มาเลย์ปล่อย 102 ผู้ต้องขังชาวไทยกลับบ้าน
วันที่ 10 พ.ย.64 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย ได้อำนวยความสะดวกให้แก่คนไทยที่พ้นโทษในมาเลเซียแล้ว จำนวน 102 คน เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยผ่านด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนการเดินทางกลับประเทศไทยภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรัดกุม ซึ่งรวมถึงการตรวจหาเชื้อโควิดฯ โดยจะส่งกลับเฉพาะผู้ที่พิสูจน์สัญชาติแล้วว่าเป็นคนไทย และมีผลตรวจยืนยันแล้วว่า ไม่ติดเชื้อโควิด
นอกจากนี้ กระบวนการในการส่งตัวกลับประเทศไทย อาจใช้เวลานาน เนื่องจากมีข้อจำกัดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการของมาเลเซียอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.64 ถึงปัจจุบัน สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ส่งตัวคนไทยพ้นโทษกลับประเทศไทยแล้ว 8 ชุด รวมจำนวนประมาณ 500 ราย ซึ่งไม่รวมจำนวนที่ส่งกลับโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง
ในการนี้สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอแจ้งเตือนพี่น้องชาวไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาเลเซีย โปรดระมัดระวังการชักชวนลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเมื่อถูกจับกุมดำเนินคดี จะมีโทษปรับและจำคุกตามกฎหมายมาเลเซีย รวมทั้งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด เพราะยังคงมีการแพร่ระบาดในประเทศมาเลเซีย