พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากจะปฏิบัติภารกิจในฐานะรองนายกฯที่กำกับดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.แล้ว ยังได้ลุยงานพรรค เปิดสาขาพรรค พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาสด้วย
บุคคลสำคัญที่ร่วมคณะของ “บิ๊กป้อม” ล้วนเป็นคนสนิทและแกนนำพรรคพลังประชารัฐทั้งสิ้น
- นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาล และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
- ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หรือ “อ.แหม่ม” เหรัญญิกพรรค
คณะของ พล.อ.ประวิตร ร่วมเดินทางไปยังสนามกีฬา L SOCCER PARK เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จากนั้น พล.อ.ประวิตร เป็นประธานในการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชารัฐ สาขาภาคใต้ ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก โดยได้ย้ายสาขาภาคใต้จาก จ.กระบี่ ไปตั้งที่สุไหงโก-ลก แทน
งานนี้มีมวลชนกว่า 500 คนมารอต้อนรับ และโบกธงสัญลักษณ์พรรค โดยมี นายสัมพันธ์ มะยูโซะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มของ “ผู้กองธรรมนัส และ นายวิรัช” เป็นผู้นำ
พล.อ.ประวิตร ขึ้นกล่าวปราศรัย ซึ่งมีให้เห็นไม่บ่อยครั้งนัก โดยกล่าวกับมวลชนตอนหนึ่งว่า “รับปากได้มั้ยว่าเราจะเลือก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แบบยกทีมทุกเขตใน จ.นราธิวาส เข้าไปนั่งในสภา” โดย “บิ๊กป้อม” ย้ำประโยคนี้ถึง 3 ครั้ง ท่ามกลางเสียงตอบจากมวลชนที่ประสานเสียงกันว่า “ได้ๆ” ทั้งยังประกาศว่า “พรรคนี้ใจถึงพึ่งได้ ขอให้ทุกคนมั่นใจ”
จากนั้น นายวิรัช กับ ผู้กองธรรมนัส ได้สลับกับขึ้นปราศรัย โดยผู้กองธรรมนัส บอกตอนหนึ่งว่า “การเลือกตั้งในสมัยต่อไป ผมจะพัฒนา จ.นราธิวาส ให้มีความเจริญเทียบเท่าจังหวัดอื่นๆ ถึงเวลาแล้วครอบครัวพรรคพลังประชารัฐต้องร่วมใจกันลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครของพรรคชนะทุกเขต”
@@ พาว่าที่ผู้สมัครเปิดตัวพรึ่บ
ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประวิตร ได้เดินทักทายประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยมีผู้ชาย 2 คน สวมเสื้อของพรรคพลังประชารัฐ เดินตามหลังอย่างใกล้ชิด
ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้สอบถามนายสัมพันธ์ มะยูโซะ ส.ส.นราธิวาส ว่า ชาย 2 คนนี้เป็นใคร ทำให้ นายสัมพันธ์ ตอบว่า คือนายอามีร ซารีคาน นักธุรกิจในพื้นที่ จะลงสมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 4 ส่วนอีกคน คือ นายอามินทร์ มะยูโซะ สมาชิกสภา อบจ.นราธิวาส ซึ่งเป็นน้องชายของนายสัมพันธ์ และจะลงสมัคร ส.ส.นราธิวาสเขต 2 แต่ยังไม่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
พล.อ.ประวิตร กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้นายสัมพันธ์ กับ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส เป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส. โดยที่ยังไม่มีการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นครั้งหน้านี้ มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะกวาดเก้าอี้ทุกเขตใน จ.นราธิวาส
@@ เร่งปรับปรุง 3 ด่านชายแดนนราธิวาส
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ได้ไปประชุมติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาด้านการค้าชายแดน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนราธิวาส
โดยด่านชายแดนใน จ.นราธิวาส มี 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่านตากใบ (ด่านตาบา) ด่านบูเก๊ะตา และด่านสุไหงโก-ลก มีข้อมูลรายงานในที่ประชุมว่า แม้จะประสบกับภาวะโควิดระบาด แต่มูลค่าการค้าชายแดนยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 64 มีมูลค่า 586,374.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 ร้อยละ 28.23
รวมทั้งรับฟังข้อเสนอการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อผลักดันไปสู่การปฏิบัติ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ในการดำเนินงานสูงสุด
สำหรับการพัฒนาด่านชายแดน แยกเป็น
ด่านบูเก๊ะตา อ.แว้ง มีโครงการจัดซื้อที่ดินเพื่อการขยายด่าน เพื่อเชื่อมต่อด่านศุลกากรให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ด่านสุไหงโก-ลก มีโครงการจัดหาเครื่องคัดกรองทางการแพทย์ประจำด่าน เพื่อรับมือสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อ
ด่านตากใบ เร่งเรื่องการจัดหาแพขนานยนต์ข้ามฟาก 1 ลำ อยู่ระหว่างการดำเนินการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ธ.ค.64 นี้ โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 9 เดือน คาดว่าจะสามารถส่งมอบแพขนานยนต์ได้ภายในเดือน ก.ย.65
สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีด่านการค้าชายแดนทั้งหมด 9 ด่าน (นราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล) มีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้ารวม 319,749 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ก็คือ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.ตากใบ
@@ ประชุมที่เทพา ไขลานแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งสงขลา
อีกจุดหนึ่งที่ พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ คือ อ.เทพา จ.สงขลา โดยได้ไปติดตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำและการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาน้ำท่วมน้ำหลากและปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ในพื้นที่ จ.สงขลา โดยได้จัดประชุมที่อาคารอเนกประสงค์บริเวณปากแม่น้ำเทพา ต.ปากบาง อ.เทพา
พล.อ.ประวิตร กล่าวตอนหนึ่งว่า โดยที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.สงขลา มักประสบปัญหาน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มริมน้ำ และมักประสบปัญหาภัยแล้ง จากปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ และเกิดการรุกตัวของน้ำเค็มเข้ามาในทะเลสาบสงขลา ส่วนปัญหาด้านคุณภาพน้ำในบริเวณคลองอู่ตะเภาและทะเลสาบสงขลาตอนล่างมีสภาพเสื่อมโทรม เนื่องจากได้รับการปนเปื้อนจากน้ำทิ้งของชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม
ดังนั้นการเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งในพื้นที่ จ.สงขลา จะช่วยส่งเสริมให้เป้าหมายการพัฒนาในด้านต่างๆ ของจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาด้านน้ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ได้เร่งผลักดันให้มีการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในลำน้ำสาขาต่างๆ และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายในลำน้ำสำคัญของ จ.สงขลา เช่น คลองนาทวี คลองเทพา คลองรัตภูมิ คลองอู่ตะเภา เป็นต้น รวมถึงปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ
โดยในช่วงปี 61 – 64 หน่วยงานต่างๆ ได้มีการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งสิ้น 962 โครงการ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำกักเก็บเพิ่มขึ้นเกือบ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ 11,763 ไร่ พื้นที่ได้รับการป้องกัน 36,605 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 95,051 ครัวเรือน เช่น สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองอู่ตะเภา และขุดลอกร่องน้ำร่องกลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง เป็นต้น