นายกฯ ย้ำตั้ง “ศบค.ส่วนหน้า” ไม่ใช่การรวบอำนาจ แจง “บิ๊กเล็ก” แค่บูรณาการการทำงาน ไม่ได้ก้าวก่ายหน้าที่ของใคร ส่วนที่เบตงแรงงานไทยทยอยกลับจากมาเลย์ หลังรู้ข่าวเตรียมเปิดประเทศ 1 พ.ย. ด้านตัวเลขโควิด 4 จังหวัดติดเชื้อใหม่ 1,895 ราย เสียชีวิต 9 ศพ
วันพุธที่ 20 ต.ค.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภากลาโหมถึงการตั้ง ศบค.ส่วนหน้าว่า ตนได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ถึงการบริหารจัดการภาคใต้ เพื่อลดการสูญเสีย รวมถึงการเยียวยา
ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัย เพราะประเทศไทยมีปัญหาหลายด้าน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเป็น ผบ.ทบ. และรอง ผอ.รมน.สนับสนุนเรื่องเหล่านี้มาตลอด เพราะเป็นกลไกของทุกรัฐบาล หน่วยงานเหล่านี้จะต้องไปเสริมการปฏิบัติงานของกระทรวงอื่นๆด้วย เช่น ทหารที่ทำหน้าที่ป้องกันการลักลอบตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการระบาดโควิด-19 ด้วยการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงฝากความเห็นใจ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารตามแนวชายแดน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วน ศบค.ส่วนหน้า ทางประชาชนก็ให้ความร่วมมือ ยืนยันว่า ไม่ใช่การรวบอำนาจ ทุกอย่างยังดำเนินการเหมือนเดิม โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกฯ และ ผอ.ศบค.ส่วนหน้า ลงไปทำหน้าที่เพียงแค่บูรณาการการทำงาน เพราะเรามีกฎหมายในการทำงานอยู่แล้ว ความจริงไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ของใคร เพียงแต่เข้าไปดูแลให้เกิดความทั่วถึงในเรื่องการสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19
ส่วนการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นั้น พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ต้องย้ำว่ายังมีอีกหลายประเทศที่เราจะประกาศออกไป เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ดำเนินการการที่จะเข้ามาไทย ไม่ได้หมายความว่า ทุกประเทศจะเข้ามาได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการหารือร่วมกันระหว่างประเทศต้นทาง และปลายทางว่า มาตรการที่เรากำหนดไปเขาตกลงด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ตกลงด้วยเขาก็ไม่เข้ามาอยู่แล้ว ครั้งแรกอาจจะให้เข้ามาได้ไม่กี่ประเทศ หรืออาจจะหลายประเทศ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับมาตรการของเรา ที่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆที่มีการประกาศเช่นเดียวกับเรา
อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการของเราอย่างเคร่งครัด ถ้าเปิดแล้วเกิดมีปัญหาก็ต้องปิด ซึ่งเราก็ไม่อยากปิดทั้งหมด เพราะประชาชนเดือดร้อน แม้จะมีการเยียวยาก็ไม่เพียงพอ แต่เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้
@@แรงงานทยอยกลับไทย หลังรู้ข่าวเตรียมเปิดประเทศ
วันเดียวกันนี้ ที่ด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ทาง อส.ชุดประสานงานชายแดนไทย-มาเลเซีย ได้นำแรงงานไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ทยอยเดินทางกลับประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากทราบข่าวว่า รัฐบาลไทยเตรียมจะเปิดประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ หลังจากภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ในไทยดีขึ้น
โดยแรงงานไทยทั้ง 17 คน ที่ได้กลับเข้าประเทศวันนี้ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม จากประเทศมาเลเซียและจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโควิด-19 สูงสุดจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ ตม. เจ้าหน้าที่ ตชด.445 และทหารจุดเฝ้าตรวจชายแดน ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งจะทำการคัดกรองและประสานรถมารับไปส่งที่กักตัวที่ศูนย์ LQ จ.ยะลา หากเป็นคนไทยที่อยู่ต่างจังหวัด หรือถ้าเป็นคนไทยที่อยู่เบตง จะกักตัวที่ศูนย์ LQ อ.เบตง เพื่อไม่ให้ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียได้ออกจากพื้นที่ควบคุม ส่วนกรณีพบกลุ่มเสี่ยงเป็นไข้จะถูกคัดแยกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทันที
ส่วนคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียอย่างถูกต้อง สามารถลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศทางด่านพรมแดนเบตงได้สัปดาห์ละ 3 วัน คือวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์
หนึ่งในแรงงานไทยที่เดินทางกลับมา กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวรัฐบาลไทยเตรียมจะเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อรับนักท่องเที่ยว ทางตนและเพื่อนๆ จึงได้ไปลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศ เพราะเชื่อว่า เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติในอนาคตอันใกล้หากสถานการณ์โควิดคลี่คลายได้เร็ว ตนและเพื่อนจะไปหางานทำจังหวัดที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยว หรือไม่ก็กลับไปขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งการทำงานที่ประเทศบ้านเกิดก็มีความสบายใจกว่าทำงานต่างประเทศ
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศมาเลเซียดีขึ้น พบผู้ติดเชื้อลดลง โดยวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อ 5,434 ราย และทางรัฐบาลมาเลเซียได้มีการผ่อนปรนมาตรการฯ เปิดให้ประชาชนเดินทางระหว่างรัฐได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ โดยประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสจะสามารถเดินทางในประเทศและออกนอกประเทศได้
@@จับ 6 แรงงานกัมพูชาลอบข้ามแดนเข้าไทย
ส่วนที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทาง พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.สุไหงโกลก รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่กำลังสามฝ่ายร่วมกันจับกุมแรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา จำนวน 6 คน ซึ่งเป็นชาย 2 ราย หญิง 2 ราย และเด็ก 2 ราย ได้ที่บริเวณริมถนนสาย มูโนะ - ปาดังญอ ในพื้นที่ บ้านปาดังญอ ม.3 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
จากการตรวจสอบทราบว่า แรงงานต่างด้าว ทั้ง 6 ไม่มีหนังสือเดินทางแต่อย่างใด โดยเป็นแรงงานประมงในพื้นที่รัฐปาหัง ซึ่งถูกทางการมาเลเซียผลักดัน ออกจากประเทศ จึงได้ลักลอบเข้ามาในไทย ทางช่องทางธรรมชาติบริเวณฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก เพื่อจะเดินทางต่อกลับภูมิลำเนา
หลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว จึงได้นำทั้งหมดส่งศูนย์คัดกรองด่านสุไหงโก-ลก เพื่อตรวจ โควิด และนำส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.มูโนะ เพื่อดำเนินการบันทึกการจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นนำตัวไปยังศูนย์ควบคุมโรค จ.นราธิวาส ที่เรือนจำนราธิวาส เพื่อกักตัวดูอาการและจะได้ดำเนินการผลัดดันกลับประเทศต่อไป
@@ 4 จังหวัดติดเชื้อใหม่ 1,895 ราย เสียชีวิต 9 ศพ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ จ.สงขลา วันที่ 20 ต.ค.64 จากข้อมูลของทาง ศบค. พบว่า ทั้ง 4 จังหวัดชายแดนใต้ ยังมีชื่ออยู่ใน 10 อันดับของจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศ
โดย จ.ยะลา มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 704 ราย จากอันดับ 5 ขยับขึ้นมาอันดับ 2 รองจากกรุงเทพ ตามมาด้วย จ.ปัตตานี มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 520 ราย จากอันดับ 2 ลงมาอันดับ 3 ส่วน จ.สงขลา มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 484 ราย ยังอยู่ในอันดับ 4 อีกวัน และ จ.นราธิวาส ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 284 ราย จากอันดับ 6 ลงมาอันดับ8
ส่วนรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 1,895 ราย และเสียชีวิตรวม 9 ราย แยกตามจังหวัดได้ดังนี้
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 704 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 36,176 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 7,856 ราย รักษาหายแล้ว 28,081 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 239 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 568 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 13,057 ราย, อ.กรงปินัง 2,309 ราย, อ.เบตง 3,088 ราย, อ.รามัน 4,874 ราย, อ.บันนังสตา 5,766 ราย, อ.กาบัง 960 ราย, อ.ธารโต 2,092 ราย และ อ.ยะหา 4,030 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 7,856 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลยะลา 203 ราย, โรงพยาบาลเบตง 151 ราย, โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 6 แห่ง 513 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 144 ราย, โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 882 ราย, โรงพยาบาลสนามเบตง 139 ราย, โรงพยาบาลสนามรามัน 387 ราย, โรงพยาบาลสนามบันนังสตา 285 ราย, โรงพยาบาลสนามยะหา 214 ราย, โรงพยาบาลสนามธารโต 88 ราย, โรงพยาบาลสนามกรงปินัง 220 ราย, โรงพยาบาลสนามกาบัง 47 ราย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศอ.12 ยะลา 38 ราย, Hospitel ( 2 แห่ง ) 145 ราย, ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) 2,080 ราย , ผู้ป่วยแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) 915 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าระบบ 1,395 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 422 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 32,028 ราย รักษาหายแล้ว 19,205 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 5 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 354 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 188 ราย, โรงพยาบาลสนามจังหวัด 434 ราย, โรงพยาบาลประจำอำเภอ 1,389 ราย, โรงพยาบาลชุมชน 586 ราย, โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร 2 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 44 ราย, สิโรรส-ปาร์ควิว ฮอสพิเทล 174 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส เรนโบว์ ฮอสพิเทล 124 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์สะพานปูน 12 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์โรงยิมบานา 19 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์ เซาท์เทิร์น วิว 215 ราย และ Home Isolation 645 ราย
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ระหว่างรักษารวม 7,028 ราย แยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 1,450 ราย, อ.ไม้แก่น 205 ราย, อ.ยะหริ่ง 683 ราย, อ.หนองจิก 631 ราย, อ.โคกโพธิ์ 402 ราย, อ.สายบุรี 807 ราย, อ.แม่ลาน 84 ราย, อ.ยะรัง 580 ราย, อ.ปะนาเระ 199 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 360 ราย, อ.มายอ 869 ราย และ อ.กะพ้อ 371 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 484 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 41,507 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 41,484 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 5,674 ราย รักษาหายแล้ว 35,660 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 173 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 3,698 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 10,292 ราย, อ.เมืองสงขลา 5,764 ราย, อ.จะนะ 4,500 ราย, อ.สิงหนคร 4,140 ราย, อ.สะเดา 3,369 ราย, อ.เทพา 2,604 ราย, อ.สะบ้าย้อย 2,569 ราย, อ.รัตภูมิ 2,246 ราย, อ.นาทวี 962 ราย, อ.บางกล่ำ 878 ราย, อ.ระโนด 678 ราย, สทิงพระ 622 ราย, ควนเนียง 455 ราย, อ.นาหม่อม 430 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 280 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 53 ราย, เป็นกรณีเรือนจำ รวม 1,144 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 498 ราย และจากต่างประเทศ 23 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 285 ราย แยกเป็นพื้นที่ อ.เมือง 16 ราย, อ.ตากใบ 27 ราย, อ.ยี่งอ 4 ราย, อ.แว้ง 1 ราย, อ.สุคิริน 9 ราย, อ.รือเสาะ 30 ราย, อ.บาเจาะ 1 ราย, อ.ระแงะ 101 ราย, อ.ศรีสาคร 1 ราย, อ.เจาะไอร้อง 33 ราย, อ.สุไหงปาดี 62 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 33,527 ราย รักษาหายสะสม 29,358 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 3 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 355 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 6,838 ราย, อ.ระแงะ 3,820 ราย, อ.รือเสาะ 1,724 ราย, อ.บาเจาะ 2,593 ราย, อ.จะแนะ 1,310 ราย, อ.ยี่งอ 2,588 ราย, อ.ตากใบ 2,551 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 2,610 ราย, อ.สุไหงปาดี 2,934 ราย, อ.ศรีสาคร 1,812 ราย, อ.แว้ง 1,971 ราย, อ.สุคิริน 912 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 1,864 ราย