ยะลาทุบสถิติติดเชื้อใหม่สูงถึง 738 ราย อันดับสองของประเทศรองจากกรุงเทพฯ ปลัดสาธารณสุขปลอบไม่ใช่ระบาดคลัสเตอร์ใหญ่ แต่เป็นการติดเชื้อในบ้านและชุมชน เดินหน้าตรวจ ATK 10% ทุกสัปดาห์ ขณะที่นราธิวาส สงขลา ปัตตานี ติดชาร์ตประเทศต่อเนื่อง
วันเสาร์ที่ 2 ต.ค.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลา ยังไม่พ้นวิกฤติ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มีตัวเลขที่เพิ่มสูงในทุกจังหวัด
จากข้อมูลที่จัดทำโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านทางศูนย์ข้อมูล COVID-19 วันนี้( 2 ต.ค.64) สามจังหวัดชายแดนใต้และจังหวัดสงขลา มีชื่อติดอยู่ใน 10 จังหวัดแรกของประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด ต่อเนื่องอีกวัน
โดย จ.ยะลา ทุบสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงที่สุด ตั้งแต่มีการแพร่ระบาด อยู่ที่ 738 ราย ขยับขึ้นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 495 ราย ติดอันดับ 6 จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 434 ราย ติดอันดับ 8 และ จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 311 ราย ติดอันดับ 10
@@สธ.แจงยะลาติดโควิดสูงแต่ไม่ใช่คลัสเตอร์ใหญ่
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 จ.ยะลา ว่า วันนี้ (2 ต.ค.64) ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดรักษาหาย 13,127 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบ 11,375 ราย และเสียชีวิต 87 ราย สำหรับ จ.ยะลา ที่พบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของประเทศ คือ 738 รายนั้น ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลาว่า การติดเชื้อในพื้นที่ยังเป็นลักษณะเดิม คือ การติดเชื้อในบ้านและชุมชน ไม่ได้มีการระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคน เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยงในชุมชน เป็นต้น สำหรับโรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ จ.ยะลา มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 0.74 น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ
สำหรับแนวทางการลดผู้ติดเชื้อ จะเฝ้าระวังการเสียชีวิตของกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและคัดกรองการติดเชื้อในชุมชน รวมถึงย้ำมาตรการ DMHT ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน จะมีการตั้งศูนย์สู้ภัยโควิดในที่ทำงาน เช่น สำนักงาน โรงงาน สถานประกอบการ ร้านอาหาร และตลาด โดยเน้นมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) และการทำงานที่บ้าน (Work From Home) การตรวจพนักงานด้วยชุดตรวจ ATK ประมาณ 10% ทุกสัปดาห์ เพื่อเฝ้าระวังและแยกกักผู้ติดเชื้อโดยเร็ว ป้องกันไม่ให้สถานที่เสี่ยงเหล่านี้เป็นแหล่งแพร่เชื้อ ตัดวงจรการระบาด และป้องกันการนำเชื้อกลับไปแพร่ที่บ้าน
นอกจากนี้จะเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งภาพรวม จ.ยะลา ฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 แล้ว 47% ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 60% โดย อ.เมืองยะลา และ อ.เบตง ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 70% แต่ยังต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และเข้มมาตรการร้านอาหารต้องฉีดวัคซีนพนักงานให้ครบ 2 เข็ม โดยจะระดมสรรพกำลังทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และประชาชนในการสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งมีประสิทธิผลในการลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต โดยการฉีดด้วยสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าห่างกัน 3 สัปดาห์ ที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะช่วยให้ฉีดเข็ม 2 ได้ครอบคลุมเร็วขึ้น และในวันที่ 4 ต.ค.นี้ จะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียนอีกด้วย
@@นราธิวาส สงขลา ปัตตานี ติดชาร์ตประเทศต่อเนื่อง
ขณะที่รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา วันที่ 2 ต.ค.64 มีรายละเอียดดังนี้
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 738 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 24,076 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 5,413 ราย รักษาหายแล้ว 18,474 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 3 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 189 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 609 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 8,448 ราย, อ.กรงปินัง 1,728 ราย, อ.เบตง 1,675 ราย, อ.รามัน 3,264 ราย, อ.บันนังสตา 4,074 ราย, อ.กาบัง 701 ราย, อ.ธารโต 1,605 ราย และ อ.ยะหา 2,581 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 5,413 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลยะลา 197 ราย, โรงพยาบาลเบตง 161 ราย, โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 6 แห่ง 486 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 133 ราย, โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 803 ราย, โรงพยาบาลสนามเบตง 231 ราย, โรงพยาบาลสนามรามัน 413 ราย, โรงพยาบาลสนามบันนังสตา 249 ราย, โรงพยาบาลสนามยะหา 70 ราย, โรงพยาบาลสนามธารโต 62 ราย, โรงพยาบาลสนามกรงปินัง 214 ราย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศอ.12 ยะลา 19 ราย, ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) 887 ราย , ผู้ป่วยแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) 604 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าระบบ 884 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 515 ราย แยกเป็นพื้นที่ อ.เมือง 145 ราย, อ.ตากใบ 24 ราย, อ.ยี่งอ 92 ราย, อ.จะแนะ 9 ราย, อ.แว้ง 25 ราย, อ.รือเสาะ 2 ราย, อ.บาเจาะ 3 ราย, อ.ระแงะ 57 ราย, อ.ศรีสาคร 20 ราย, อ.เจาะไอร้อง 1 ราย, อ.สุไหงปาดี 54 ราย และ อ.สุไหงโก-ลก 83 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 25,344 ราย รักษาหายสะสม 21,119 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 287 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 5,075 ราย, อ.ระแงะ 2,565 ราย, อ.รือเสาะ 1,606 ราย, อ.บาเจาะ 1,799 ราย, อ.จะแนะ 1,095 ราย, อ.ยี่งอ 1,933 ราย, อ.ตากใบ 2,142 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 1,915 ราย, อ.สุไหงปาดี 2,133 ราย, อ.ศรีสาคร 1,351 ราย, อ.แว้ง 1,671 ราย, อ.สุคิริน 730 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 1,329 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 434 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 31,912 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 31,889 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 6,038 ราย รักษาหายแล้ว 25,719 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 155 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 1,429 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกได้ดังนี้ กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่ 291 ราย, กลุ่มรอสอบสวนโรค 69 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงบริษัท / ห้างร้าน 23 ราย, กลุ่มเดินทางมาจากต่างจังหวัด 13 ราย, โรงเรียนสอนศาสนา 12 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากตลาด 8 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงในหน่วยงาน 6 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงในชุมชน 5 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงาน 3 ราย, บุคลากรสาธารณสุข 3 ราย และ ตรวจก่อนทำหัตถการ 1 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 406 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 23,061 ราย รักษาหายแล้ว 15,342 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 306 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 165 ราย, โรงพยาบาลสนามจังหวัด 339 ราย, โรงพยาบาลประจำอำเภอ 1,099 ราย, โรงพยาบาลชุมชน 494 ราย, โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร 1 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 47 ราย, สิโรรส-ปาร์ควิว ฮอสพิเทล 185 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส เรนโบว์ ฮอสพิเทล 126 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์สะพานปูน 16 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์โรงยิมบานา 61 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์ เซาท์เทิร์น วิว 211 ราย และ Home Isolation 79 ราย
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ระหว่างรักษารวม 4,341 ราย แยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 1,041 ราย, อ.หนองจิก 317 ราย, อ.โคกโพธิ์ 124 ราย, อ.ยะหริ่ง 447 ราย, อ.สายบุรี 694 ราย, อ.ไม้แก่น 123 ราย, อ.แม่ลาน 42 ราย, อ.ยะรัง 316 ราย, อ.ปะนาเระ 178 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 311 ราย, อ.มายอ 434 ราย และ อ.กะพ้อ 152 ราย