การสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่มีต่อ พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ พลับพลึง ผู้กำกับการ สภ.รามัน จ.ยะลา เงียบหายไป แม้จะครบกำหนด 15 วันตามที่ระบุในคำสั่งแล้วก็ตาม
พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อข้อกล่าวหาที่มีต่อ ผู้กำกับการ สภ.รามัน เมื่อวันที่ 31 ส.ค.64 ให้เวลา 15 วัน จึงครบกำหนดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 แต่เมื่อครบกำหนดแล้วก็ยังสรุปผลการสอบสวนไม่ได้
สำหรับข้อกล่าวหาที่มีคำสั่งให้ตรวจสอบ มี 3 ประเด็น คือ
1.ข้อกล่าวหาสั่งให้ลูกน้องเบิกเบี้ยเลี้ยงโควิดที่รับโอนมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาให้ผู้กำกับฯ พร้อมสลิป เพื่อนำไปจัดสรรใหม่ แล้วผู้กำกับฯจะส่งคืนให้ โดยอ้างว่าจะนำไปจัดสรรให้กำลังพลส่วนอื่นที่ไม่ได้ไปเข้าเวรประจำด่านโควิด
2.ข้อกล่าวหาใช้กำลังพล รถยนต์ และน้ำมันหลวง ไปทำสวนทุเรียนส่วนตัวที่ อ.เบตง จ.ยะลา
3.ข้อกล่าวหาการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกับกำลังพลบางส่วน เพราะมีบางคนไม่ได้ทำงานอะไรเลย ไม่เข้าโรงพัก ไม่ออกปฏิบัติหน้าที่ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างกับผู้บังคับบัญชา
ล่าสุดมีการชี้แจงจาก ผบก.ภ.จว.ยะลา ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ขอขยายเวลาการสอบสวนออกไป จึงยังไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ทันเวลาที่กำหนด
พล.ต.ต.ทินกร กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ที่มี พ.ต.อ.อับดุลกอเดร์ บือแนสะเตง รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา เป็นประธาน ได้ขยายเวลาการสอบสวนออกไป เนื่องจากยังสอบสวนผู้เกี่ยวข้องไม่ครบทุกปากที่มีการเบิกเงินไป จึงทำให้คณะกรรมการฯขอขยายเวลา
“การขอขยายเวลาได้มีการพูดคุยด้วยวาจาและส่งเป็นเอกสารมา อยากเรียนว่าไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน เขามีหลักฐานอย่างไรก็ว่ากันไป ตามหลักฐานทุกอย่าง หากผิดจริง ไม่มีนายคนไหนช่วยได้ เพราะนายทุกคนได้เน้นย้ำไว้ก่อนที่จะโอนเงินลงไปแล้ว” พล.ต.ต.ทินกร กล่าว
สำหรับ พ.ต.อ.อับดุลกอเดร์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ และยังถูกส่งไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้กำกับการ สภ.รามัน ด้วยนั้น ทีมข่าวพยายามติดต่อเพื่อขอสอบถามความคืบหน้าการตรวจสอบมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ แม้โทรศัพท์จะโทรติด สายว่าง แต่ก็ไม่รับสาย