วันอังคารที่ 14 ก.ย.64 เป็นเส้นตายครบกำหนด 15 วันการสอบสวน พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ พลับพลึง ผู้กำกับการ สภ.รามัน จ.ยะลา หลังมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อกล่าวหาที่ปรากฏทางสื่อ โดยเฉพาะอมเบี้ยงโควิดของลูกน้อง
เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ก.ย. “ทีมข่าวอิศรา” ได้เดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อขอสัมภาษณ์ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) เพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องนี้
แต่เมื่อไปถึง ทีมข่าวไม่ได้พบ ผบก.ภ.จว.ยะลา เนื่องจากติดประชุมระบบทางไกลกับหน่วยเหนือ และเดินทางปฎิบัติราชการที่กรุงเทพฯ พบเพียงเจ้าหน้าที่หน้าห้องผู้การ
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อข้อกล่าวหาที่มีต่อ ผู้กำกับการ สภ.รามัน ประกอบด้วย 3 ประเด็นด้วยกัน คือ
1.ข้อกล่าวหาสั่งให้ลูกน้องเบิกเบี้ยเลี้ยงโควิดที่รับโอนมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาให้ผู้กำกับฯ พร้อมสลิป เพื่อนำไปจัดสรรใหม่ แล้วผู้กำกับฯจะส่งคืนให้ โดยอ้างว่าจะนำไปจัดสรรให้กำลังพลส่วนอื่นที่ไม่ได้ไปเข้าเวรประจำด่านโควิด
2.ข้อกล่าวหาใช้กำลังพล รถยนต์ และน้ำมันหลวง ไปทำสวนทุเรียนส่วนตัวที่ อ.เบตง จ.ยะลา
3.ข้อกล่าวหาการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกับกำลังพลบางส่วน เพราะมีบางคนไม่ได้ทำงานอะไรเลย ไม่เข้าโรงพัก ไม่ออกปฏิบัติหน้าที่ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างกับผู้บังคับบัญชา
ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนด 15 วัน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องสรุปผลสอบเสนอต่อ พล.ต.ต.ทินกร
“หนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จริงฯ ลงนามคำสั่ง วันที่ 31 สิงหาคม 64 จึงครบกำหนดของคณะกรรมการตรวจฯในวันที่ 14 ก.ย. เมื่อครบกำหนด คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จริงฯ ต้องสรุปผลสอบเสนอต่อทางผู้บังคับการ” เจ้าหน้าที่หน้าห้องผู้การ ระบุ
เจ้าหน้าที่รายเดิม ยังบอกอีกว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จภายใน 15 วัน คือวันที่ 14 ก.ย. ก็น่าจะเช้าวันที่ 15 ก.ย.จึงจะผลสรุปได้ หรือคณะกรรมการตรวจสอบฯมีข้อมูลยังไม่ครบสมบูรณ์ อาจต้องเพิ่มเวลาในการตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ก็ต้องทำทำหนังสือขอเพิ่มเวลาตรวจสอบ แต่จะใช้เวลาอีกกี่วันก็อยู่ในดุลพินิจ และต้องแจ้งผลสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง