ปัญหาที่ สภ.รามัน จ.ยะลา ดูจะยังไม่จบง่ายๆ...
ข้อกล่าวหาที่พุ่งเป้าไปยังผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.รามัน ค่อนข้างร้ายแรง เพราะเป็นเรื่องของการ "อมเบี้ยเลี้ยง" ในความหมายของการนำเบี้ยเลี้ยงโควิดจากการปฏิบัติงานตามด่านตรวจที่มีความเสี่ยงของผู้ใต้บังคับบัญชาไปจัดสรรใหม่ แล้วคืนกลับมาให้ต่ำกว่าจำนวนเต็มที่ได้มาทีแรกมาก โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อนำเงินไปจัดสรรให้ตำรวจฝ่ายอื่นๆ ในโรงพักด้วย แต่ลูกน้องไม่เชื่อ เพราะเบี้ยเลี้ยงของแต่ละคนหายไปมากกว่าครึ่ง
กับอีกเรื่องคือการนำกำลังพลรถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงของทางราชการ ไปใช้ทำงานในสวนทุเรียนส่วนตัว
แม้ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ พลับพลึง ผกก.สภ.รามัน ไปปฏิบัติราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา หรือที่ภาษาข่าวเรียกว่า "เด้ง" แล้วก็ตาม
แต่ข้อความห้อยท้ายของคำสั่งย้าย คือ "โดยขาดจากบังคับบัญชาทางสังกัดเดิม" ซึ่งมีความหมายว่า ไม่ได้ย้ายขาดจากตำแหน่งเดิมเสียทีเดียว เพียงแค่ย้ายพ้นจากโรงพัก และหลุดจากสายการบังคับบัญชาเดิมเท่านั้น แบบนี้สอบสวนเสร็จ หากไม่พบความผิด ก็ยังกลับไปดำรงตำแหน่งได้เช่นเดิม
ขณะที่คำสั่งต่อเนื่องให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็มีการใช้ถ้อยคำระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
"ด้วยปรากฏข้อความทางสื่อสั่งคมออนไลน์ เผยแพร่ข้อความในลักษณะที่มีผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่ จ.ยะลา ทำการหักเบี้ยเลี้ยงค่าตอบแทนโควิด-19 ของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อใช้จัดสรรภายในองค์กร และเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งต่อมาได้มีการนำเงินมาคืนผู้ใต้บังคับบัญชา และกรณีสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำรถยนต์พร้อมน้ำมันเชื่อเพลิงของทางราชการ ไปใช้ทำภารกิจของผู้กำกับการเป็นการส่วนตัว รวมถึงการเลือกปฏิบัติในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้ใต้บังคับบัญชาบางนายอย่างไม่เท่าเทียม
ตำรวจภูธร จ.ยะลา พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว มีการดำเนินการเบิกจ่ายเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และคำสั่งของทางราชการหรือไม่ อย่างไร ผู้ใดมีส่วนในการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร เพื่อความโปร่งใส่และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ฉะนั้นจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย บุคคลดังต่อไปนี้
1) พ.ต.อ.อับดุลกอเดร์ บือแนสะเตง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เป็นประธานกรรมการ
2) พ.ต.อ.ฉัตรชัย สมศักดิ์ ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ปฏิบัติราชการกลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธร จ.ยะลา เป็นกรรมการ
3) พ.ต.ต.ประยุทธ โปจีน สารวัตรสอบสวน สภ.โกตาบารู เป็นกรรมการและเลขานุการ
4) ร.ต.ท.สิทธิ์ศักดิ์ หนูแม่น รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธารโต เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวขั้นต้น โดยอาศัยกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 แล้วรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ตำรวจภูธร จ.ยะลาทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ที่ได้รับทราบคำสั่ง โดยคำสั่งลงวันที่ 27 ส.ค.64 วันเดียวกับคำสั่งเด้ง
เป็นที่น่าสังเกตว่า กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 4 คน มียศสูงสุดเท่ากับผู้ถูกกล่าวหา คือมียศ พ.ต.อ. 2 คน ส่วนอีก 2 คน ยศต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหา
แน่นอนว่า เมื่อผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่สรุปออกมา ย่อมต้องถือว่า พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ พลับพลึง ผกก.สภ.รามัน ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
ส่วนสถานการณ์ที่ สภ.รามัน มีข่าวว่ามีคนทำหนังสือยืนยันความบริสุทธิ์ของ ผกก.สภ.รามัน ว่าไม่ได้กระทำตามที่มีการกล่าวหาทั้ง 2 ข้อและมีการส่งหนังสือไปให้ตำรวจในโรงพักเซ็น รวมทั้งตำรวจชั้นผู้น้อย สร้างความอึดอัดใจให้กับตำรวจหลายนาย เพราะหากเซ็นไป ข้อกล่าวหาที่นำมาสู่การตั้งกรรมการสอบ ก็จะยุติ แต่หากไม่ยอมเซ็น ก็จะถูกเพ่งเล็งว่า เป็นคนให้ข่าวร้องเรียนสื่อและภาคประชาสังคมจนเป็นข่าวดังกระทบกับ ผกก.
ขณะที่ ผกก.สภ.รามัน มีข่าวยืนยันว่า ยังคงพักอยู่ที่บ้านพักตำรวจภายใน สภ. ยังไม่ได้ขนของย้ายออกไปแต่อย่างใด
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รามัน 4 นาย ซึ่งเป็นคนขับรถของ ผกก. และถูกสั่งให้ไปทำสวนทุเรียนในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลานั้น หลังเกิดเรื่องได้ขนของกลับเข้ามาใน สภ.รามัน เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา
"ทีมข่าวอิศรา" ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ เพื่อสอบถามถึงข่าวที่ออกมา แต่เจ้าตัวไม่รับสาย แม้จะโทรติดก็ตาม
ด้านตำรวจ สภ.รามันรายหนึ่ง กล่าวกับทีมข่าวว่า พวกเราเครียดมากตอนนี้ หลังจากมีการล่ารายชื่อและบังคับให้เซ็นชื่อเพื่อให้ผู้กำกับฯ พ้นข้อกล่าวหา เพราะใจจริงไม่มีตำรวจคนไหนอยากเซ็นชื่อ แต่เมื่อมีคำสั่งมาก็ต้องเซ็นอย่างจำยอม
"ใครจะกล้าไม่เซ็นบ้าง เพราะถ้าใครไม่เซ็นก็จะเป็นเรื่องแน่นอน พวกเราจึงอยากขอให้ผู้บังคับบัญชาเห็นใจพวกเรา ตรวจสอบอย่างตรงมา และให้ความเป็นธรรมพวกเราด้วย" ตำรวจชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง กล่าว
พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ยอมรับว่า ได้ยินข่าวการล่าชื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของ ผกก.สภ.รามัน อยู่เหมือนกัน
"ได้ยินเด็กๆ เขาพูดคุยกันอยู่ว่า มีเรื่องของการล่ารายชื่อกันอยู่ คือทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตอนนี้ให้รองผู้การไปดู และเอารายละเอียดในพื้นที่ และให้ ผกก.สภ.รามัน หลุดจากตำแหน่งออกมา ถือเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้มากที่สุด ก็ต้องมาดูกันในข้อเท็จจริง อาจจะมีทั้ง 2 มุม ก็ต้องปล่อยให้ข้อเท็จจริงปรากฏกับคณะกรรมการที่เขาทำหน้าที่พิสูจน์จากพื้นที่ สิ่งที่ถูกกล่าวหาอาจมีมูลอยู่บ้าง หรืออาจไม่มีมูล ก็ต้องรอให้รองผู้การตรวจสอบรายละเอียดก่อน" พล.ต.ต.ทินกร กล่าว
และว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงมีความคืบหน้าพอสมควร เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะชี้แจงต่อสาธารณะอย่างแน่นอน
นางบุษยมาส อิศดุลย์ ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม ตัวแทนภาคประชาสังคมที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ กล่าวว่า ยังคงได้รับการร้องเรียนจากตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคำสั่งให้ ผกก.สภ.รามัน พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ตำรวจชั้นผู้น้อยก็ยังไม่สบายใจ เพราะทราบว่ามีคำสั่งให้ล่ารายชื่อตำรวจ เพื่อให้ ผกก.พ้นข้อกล่าวหา หรือแสดงให้เห็นว่า ตำรวจ สภ.รามัน ไม่ได้มีการร้องเรียน ทั้งที่ความจริงแล้วทุกคนต้องการผู้บังคับบัญชาที่มีความเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบลูกน้อง
"เรื่องนี้เท่าที่คุยกับผู้การยะลา ทางผู้การก็ให้คำมั่นว่าจะไม่เอาคนที่ทำผิดไว้ แต่ขอให้เวลาในการตรวจสอบ เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย คือเรื่องนี้ต้องตรงไปตรงมาจริงๆ ตามกระบวนการ ไม่ต้องมีอำนาจอื่นมาช่วย เหมือนผู้กำกับบางคนที่เวียนลง สภ.โน้น สภ.นี้ในพื้นที่ สภ.ละ 2 เดือน เพื่อรอให้ข่าวเงียบก็จะย้ายกลับ แบบนี้เราไม่อยากได้" ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม กล่าว
ดูเหมือนปัญหาที่ สภ.รามัน จะไม่จบง่ายๆ ตามที่จั่วหัวเอาไว้...