ตำรวจชั้นผู้น้อยในพื้นที่ จ.ยะลา ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อและภาคประชาสังคม แฉถูกผู้กำกับโรงพักในพื้นที่เรียกเก็บเงินเบี้ยเลี้ยงโควิดที่เข้าบัญชี ให้เอามารวมเข้ากองกลาง อ้างนำไปจัดสรรใหม่แบ่งให้ฝ่ายธุรการ หลายคนคาใจรับยอด 2-3 หมื่น จัดสรรคืนเหลือ 6-7 พันบาท
ช่วงนี้วงการสีกากีมีประเด็นอื้อฉาวต่อเนื่อง นอกเหนือจาก “ผู้กำกับโจ้” โดนแฉคลิป “คลุมถุงหัว” จนฮือฮากันไปทั้งประเทศแล้ว ล่าสุดยังมี “ผู้กำกับ” โรงพักบางแห่งใน จ.ยะลา หนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกกล่าวหาอมเบี้ยเลี้ยงลูกน้องอีกด้วย
โดยผู้กำกับฯกลุ่มนี้ มีพฤติกรรมออกคำสั่งไปยังตำรวจทุกนายในโรงพักที่ได้รับเบี้ยเลี้ยงโควิด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติโอนเข้าบัญชีเงินเดือนของแต่ละคน โดยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในโรงพักโอนเงินไปให้ฝ่ายการเงิน โดยอ้างว่าจะนำไปจัดสรรแบ่งปันใหม่ แล้วคืนส่วนที่เหลือให้
บุษยมาส อิศดุลย์ จิตอาสาภาคประชาสังคมบ้านบุญเต็มยะลา ให้ข้อมูลกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากตำรวจชั้นผู้น้อยจากสถานีตำรวจ 2 แห่งในจังหวัดยะลาว่า มีการอมเงินเบี้ยเลี้ยงโควิดของตำรวจ โดยเมื่อเบี้ยเลี้ยงโควิดของตำรวจทุกนายถูกโอนเข้าบัญชีจากส่วนกลาง ได้มีคำสั่งให้เอาเงินเบี้ยเลี้ยงที่ได้ไปให้ผู้กำกับญ ซึ่งแต่ละคนให้ข้อมูลเหมือนกันว่า ผู้กำกับฯอ้างว่าจะนำเงินทั้งหมดไปรวมแล้วจัดสรรใหม่ เพื่อแบ่งให้เจ้าหน้าที่ธุรการที่ไม่ได้เบี้ยเลี้ยงโควิดด้วย
ตำรวจชั้นผู้น้อยให้ข้อมูลว่า คำอ้างของผู้กำกับฯ คล้ายๆ กันกับการเรียกเงินเบี้ยเลี้ยงรอบที่แล้ว ทำให้ตำรวจหลายนายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ต้องทำงานหนักแถมถูกเอาเปรียบ
โดยการเรียกเงินค่าเบี้ยเลี้ยงโควิดรอบที่แล้ว ตำรวจในโรงพักถูกสั่งให้ไปกดเงินที่เข้าบัญชีส่วนตัวออกมาให้ฝ่ายการเงิน โดยเงินค่าเบี้ยเลี้ยงจะเข้าบัญชีส่วนตัวของตำรวจแต่ละนายประมาณ 2-3 หมื่นบาทตามการทำงานจริงในช่วงโควิด จากนั้นผู้กำกับฯให้นำเงินทั้งหมดไปส่งให้ตนเอง พร้อมกับใบเสร็จที่ถอนเงินออกมา
หลังได้รับเงินจากลูกน้องไปแล้ว ผู้กำกับฯก็จะให้เงินคืนกลับมา คราวนี้แต่ละคนจะได้ไม่เท่ากัน บางคนจะได้เงินกลับคืน 8,000 – 9,000 บาท จากยอดเงินที่เข้าก่อนนำไปให้ทั้งหมด 36,000 บาท บางคนมียอดเงินเข้า 12,400 บาท ก็จะได้กลับมาแค่ 6,000-7,000 บาท
ตำรวจที่ร้องเรียนเข้ามาทั้งหมดบอกว่า ผู้กำกับฯอ้างว่าจะแบ่งเงินให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ส่วนการเรียกเก็บเงินเบี้ยเลี้ยงชุดใหม่ เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยเบี้ยเลี้ยงรอบนี้ แม้จะน้อยกว่ารอบก่อนหน้า แต่ก็ถูกผู้กำกับฯสั่งให้เบิกเงินทั้งหมดไปให้ผู้กำกับฯ และอ้างเหมือนเดิมว่า จะนำมารวมเพื่อจัดสรรแบ่งปันให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ
“สงสารเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย พวกเขาไม่สมควรถูกเอาเปรียบแบบนี้ ทุกคนทำงานเหนื่อย และเวลาโดนทำโทษก็จะถูกลงโทษแบบโหดๆ อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นดังไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง จะได้เข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือตำรวจชั้นผู้น้อยที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ” บุษยมาส กล่าว
ทีมข่าวฯ ได้พูดคุยเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกสั่งเรียกเงินค่าเบี้ยเลี้ยงโควิดส่งให้ผู้กำกับฯ โดยตำรวจรายนี้เล่าให้ฟังว่า ในส่วนของโรงพักตน ล่าสุดเบี้ยเลี้ยงโควิดออกแล้ว แต่ละคนจะได้ไม่เท่ากัน ปัญหาคือเมื่อทำตามที่ผู้กำกับฯบอก คนทำงานจริงกลับได้น้อย คนไม่ทำงาน ไม่อยู่ด่านเลย กลับกลายเป็นได้เงินเยอะ
“ยอดจริงๆ มันวันละ 420 บาท แต่มาตัดให้วันละ 240 บาท ยอดที่ทำเบิกมาของผม เดือน ม.ค. ทำงานเฝ้าด่าน 13 วัน แล้วลองคิดคำนวณดู จะได้แค่วันละ 240 บาท แม้จะยอมให้ตัดแล้ว แต่ยอดเงินที่เข้ามาก็ไม่ตรงและไม่เท่ากันสักคน“ ตำรวจชั้นผู้น้อย กล่าว
และว่า “นี่ผมตกคณิตศาสตร์หรือผมคิดมากไปหรือเปล่า ผมพักผ่อนน้อย เอาเวลากลางวันออกสืบสวนหาข่าว แล้วมาเข้าเวรด่านโควิดเพื่อดูแลประชาชน ไหนจะความไม่สงบของบ้านเมือง ไหนจะโรคภัย เราเสี่ยงที่สุด เสียสละที่สุด ผลตอบแทนก็ต้องชัดเจนที่สุด หากมันจะได้มาหรือหากมันไม่ได้ก็ให้คิดเสียว่า เราทำเพื่อประชาชนและคนส่วนใหญ่เพราะพวกเรานั่งอยู่ด่านจริง ทำงานจริง และต้องระวังต้องกันตัวเองกันจริงๆ”
ขณะที่ตำรวจชั้นผู้น้อยอีกรายจากอีกโรงพักหนึ่ง เล่าว่า เรื่องถูกอมเบี้ยเลี้ยงโควิดเป็นเรื่องจริงที่พวกตนเจอ ตำรวจโรงพักเดียวกับตนเจอกันหมด คือได้รับเงินโอนเข้าบัญชี แต่ถูกสั่งให้เบิกออกมาให้การเงินทั้งหมด จากนั้นผู้กำกับฯจะมารับเงินทั้งหมดไป และมาแบ่งสรรปันส่วนใหม่อีกครั้ง ซึ่งเงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของตำรวจแต่ละคนจะไม่เท่ากัน 5,000 บาทบ้าง 6,000 บาทบ้าง และบางคนก็หมื่นกว่าบาท ตอนนี้ก็ยังรอผู้กำกับฯเอาเงินมาให้ แต่ไม่รู้จะได้กันเท่าไหร่ ในส่วนของเก่าก็โดนเหมือนกัน แต่ทางผู้กำกับฯ พยายามเคลียร์กับสื่อเพื่อไม่ให้มีข่าวออกมา
“ผมอยากเรียกร้องขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย สำหรับผู้กำกับฯที่โรงพักของผม มีพฤติกรรมหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่อมเงินเบี้ยเลี้ยง ยังมีเรื่องน้ำมันหลวงอีก อยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับตำรวจชั้นผู้น้อยแบบพวกผม เชื่อว่าหลายพื้นที่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะเพื่อนหลายคนต่างก็คุยเรื่องนี้กัน ไม่มีใครรับได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าจะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา” ตำรวจชั้นผู้น้อย กล่าว
สำหรับเรื่องราวพฤติกรรมของนายตำรวจที่เป็นผู้บังคับบัญชาอมเงินเบี้ยเลี้ยงโควิดของนายตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2563 ในพื้นที่ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกผู้กำกับฯรายนี้ หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
ขณะที่ สภ.หนึ่งใน จ.พัทลุง ก็มีตำรวจชั้นผู้น้อยร้องเรียนผ่านสื่อเช่นเดียวกันว่าถูกอมเบี้ยเลี้ยงโควิด แต่พอเรื่องนี้เป็นข่าว ทางผู้บังคับบัญชาได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นความเข้าใจผิด และรีบแก้ปัญหาจนเรื่องเงียบไป