ภาพคลื่นมนุษย์ชาวอัฟกันเบียดเสียดกันตามสนามบินและรันเวย์ในกรุงคาบูล บางส่วนถึงขั้นยอมเกาะล้อเครื่องบินจนตกลงมาเสียชีวิต เพื่อต้องการหนีจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในอัฟกานิสถานนั้น อาจเป็นเพียงบางส่วนเสี้ยวของวิกฤตการณ์ในประเทศนี้
เพราะล่าสุด UNHCR ได้เรียกร้องต่อประชาคมโลกให้เร่งช่วยเหลือชาวอัฟกันพลัดถิ่นจากความขัดแย้งภายในประเทศ หลังการรุกคืบเข้ายึดกุมอำนาจการปกครองของกลุ่มตอลิบาน โดยมีการเปิดเผยตัวเลขเด็กกับผู้หญิงกว่า 4 แสนคน และชาวอัฟกันอีก 2.9 ล้านคนไร้ที่พักพิง
นายชาเบีย มานตู โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) แถลงต่อสื่อที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า UNHCR ตระหนกกับวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่ปรากฎชัดขึ้นในประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อการสู้รบขยายสู่วงกว้างและตึงเครียด องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศอัฟกานิสถานเรียกร้องให้มีการหยุดยิงอย่างถาวรและเจรจา เพื่อให้เกิดข้อตกลงที่อยู่บนพื้นฐานของความสงบสุขของชาวอัฟกัน
ผู้คนจำนวนมหาศาลได้รับผลกระทบจากการสู้รบอย่างหนักหน่วงนี้ หน่วยช่วยเหลือภารกิจในอัฟกานิสถานของสหประชาชาติได้แจ้งเตือนว่า หากไม่มีการลดระดับความรุนแรง ประเทศอัฟกานิสถานจะประสบกับจำนวนประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บสูงที่สุดที่เคยมีบันทึกไว้ภายในระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่สหประชาชาติเริ่มมีรายงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
“เรามีความกังวลอย่างยิ่งถึงผลกระทบของความขัดแย้งในครั้งนี้ต่อผู้หญิงและเด็ก เมื่อร้อยละ 80 ของชาวอัฟกันเกือบ 250,000 คนที่ถูกบังคับให้ออกจากบ้านของตนตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นกลุ่มผู้หญิงและเด็ก ผู้คนราว 400,000 คนถูกบังคับให้ออกจากบ้านของตนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่รวมชาวอัฟกันอีก 2.9 ล้านคนที่ยังคงพลัดถิ่นอยู่ทั่วประเทศ” โฆษก UNHCR กล่าว
รายงานการสู้รบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 32 จังหวัด จาก 34 จังหวัดของประเทศ จำนวนชาวอัฟกันจำนวนมากถูกบังคับให้พลัดถิ่นส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศ หากเป็นไปได้จะอาศัยในสถานที่ใกล้เคียงบ้านของตนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ชาวอัฟกันเกือบ 120,000 คนต้องหนีออกจากพื้นที่ชานเมืองและในตัวเมืองมายังจังหวัดคาบูล
UNHCR เรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งให้ความช่วยเหลือวิกฤตการพลัดถิ่นของชาวอัฟกันครั้งล่าสุดนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่หนึ่งในทีมมอบความช่วยเหลือของสหประชาชาติประเมินความขาดแคลนของประชากรผู้พลัดถิ่นภายในประเทศกว่า 400,000 คนตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และร่วมกับพันธมิตรมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นที่จำเป็นมากที่สุด ได้แก่ อาหาร ที่พักพิง ชุดสุขอนามัย และการช่วยชีวิตในด้านต่างๆ
UNHCR เรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านของอัฟกานิสถานเปิดชายแดน เพื่อรับมือกับวิกฤติที่ตึงเครียดอยู่ในอัฟกานิสถานขณะนี้ หากไม่สามารถแสวงหาที่พักพิงที่ปลอดภัยได้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้คนอีกนับไม่ถ้วน UNHCR พร้อมให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในประเทศเพื่อเพิ่มมาตรการรับมือด้านมนุษยธรรมตามความขาดแคลนที่เกิดขึ้น
ด้วยสถานการณ์ความไม่มั่นคงในหลายพื้นที่ในประเทศอัฟกานิสถาน ทำให้เห็นได้ชัดว่าชาวอัฟกันที่อยู่นอกประเทศอาจมีความต้องการความคุ้มครองระหว่างประเทศที่มากขึ้น UNHCR เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกมอบสิทธิในการแสวงหาความปลอดภัยแก่พวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะทางกฎหมายในปัจจุบันเป็นอย่างไร และ UNHCR ยินดีต่อความช่วยเหลือที่หลายๆ รัฐบาลยุติการส่งตัวผู้ขอลี้ภัยกลับประเทศเป็นการชั่วคราว และมอบการเข้าถึงสิทธิในการยื่นขอลี้ภัยแก่ชาวอัฟกัน
@@ 4 ทศวรรษที่ไม่เคยสงบสุข
นับเป็นเวลากว่า 40 ปีหลังจากการรุกรานอัฟกานิสถานของโซเวียตในพ.ศ.2522 ความขัดแย้งและความรุนแรง ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยรวมชาวอัฟกานิสถานเป็นหนึ่งในประชากรที่พลัดถิ่นยาวนานที่สุดและยากลำบากที่สุดกลุ่มหนึ่งในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกตลอด 4 ทศวรรษ จากรุ่นสู่ร่นพวกเขาไม่เคยได้รู้จักกับความสงบสุข
ขณะนี้ความรุนแรงของความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการถอนกำลังของนานาชาติ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่กำลังเกิดขึ้น
นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบังคับให้เด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางกลุ่มใหม่ราว 550,000 คน (ข้อมูลวันที่ 16 ส.ค.) ต้องหนีออกจากบ้านของตนเพื่อแสวงหาที่พักพิงที่ปลอดภัย และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน กว่าร้อยละ 80 เป็นเด็กและผู้หญิง พวกเขาต้องการที่พักพิงที่ปลอดภัยและความคุ้มครองเร่งด่วน
ผู้หญิงและเด็กจำนวนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มากกว่าปีอื่นๆ ทั้งปีนับตั้งแต่ปี 2552
@@ เพียงร้อยละ 1 ของประชากรได้รับวัคซีนโควิด
เด็ก ๆ ชาวอัฟกานิสถานต้องเติบโตท่ามกลางวิกฤตการณ์ ปัจจุบันประเทศอัฟกานิสถานมีประชากรเกือบ 35 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก พวกเขาต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงและความท้าทายทางเศรษฐกิจต่างๆ ร้อยละ 65 ของประชากรชาวอัฟกานิสถานทั้งในและนอกประเทศเป็นเด็กและเยาวชนที่อนาคตของพวกเขายังคงสั่นคลอน
เมื่อมีเพียงน้อยกว่าร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 ครบ
อัตรา การแพร่ระบาดของโรคในอัฟกานิสถานกำลังเปลี่ยนสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้เป็นสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต ระบบสาธารณสุขรองรับผู้ป่วยเกินขีดความสามารถแล้ว และการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ในขั้นปฐมภูมิสำหรับผู้ป่วยทั่วไปและผู้ที่ป่วยด้วยโรคอื่นๆ ต้องหยุดชะงัก ขณะที่เริ่มมีวัคซีนจัดสรรจาก COVAX ลำเลียงมา จำนวนผู้เปราะบางต่อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยังคงมีอีกหลายล้านคน
นอกจากนี้ประเทศอัฟกานิสถานยังมีแนวโน้มที่จะเกิดภัยธรรมชาติซ้ ๆ ในปี 2561 เราได้เห็นภัยแล้งครั้งประวัติศาสตร์ ผู้คนราว 250,000 คนต้องหนีออกจากบ้านของตนเพราะความแห้งแล้ง ไม่มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และอาหารหาได้ยากขึ้น เนื่องจากชาวนาและชาวไร่จำเป็นต้องทิ้งพื้นที่ที่แห้งแล้งและขายฝูงสัตว์ ในปีนี้รัฐบาลอัฟกานิสถานประกาศภัยแล้งอย่างเป็นทางการแล้วอีกครั้ง
สถานการณ์ในอัฟกานิสถานเป็นหนึ่งในวิกฤติผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชาวอัฟกานิสถานมากกว่า 2.2 ล้านคน ได้รับการลงทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยแล้ว เกือบร้อยละ 90 พักพิงอยู่ในปากีสถานและอิหร่าน และยังไม่รวมอีกมากกว่า 3 ล้านคนที่กำลังพลัดถิ่นอยู่ภายในประเทศ
------------------------------------------
ขอบคุณภาพประกอบจาก UNHCR
ร่วมบริจาคกับ UNHCR ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน
- www.unhcr.org/th
- SMS พิมพ์ 99 ส่งมาที่ 4141099 เพื่อบริจาคครั้งละ 99 บาท หรือ
- ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่ 004-225-8596 ชื่อบัญชี UNHCR Special Account
**ทำรายการแล้วส่งสลิปไปที่ LINE: @unhcrthailand