ปัตตานีสั่งปิดพื้นที่เสี่ยงแพร่ระบาดเพิ่มใน 4 อำเภอ มัสยิด-บาลาเซาะห์ 11 แห่ง บ้านผู้ติดเชื้ออีก 29 หลัง ด้านหมอยะลา ยืนยันฉีดวัคซีนไขว้ให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลหลักนราธิวาสวิกฤติ เตียงติดลบ 121 ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เกินร้อยทุกจังหวัด ปัตตานีเสียชีวิตวันเดียว 6 ราย
วันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ค.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลา ไม่มีทีท่าว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดจะลดลง ตรงกันข้ามกับทวีความรุนแรงขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตที่พบจำนวนมากอย่างต่อเนื่องทุกวัน
ที่ จ.ปัตตานี นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดปัตตานี ได้ออกหนังสือคำสั่งจังหวัดปัตตานี ที่ (พิเศษ) 48/2564 เรื่องการปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.64 ทางจังหวัดปัตตานี ได้มีประกาศคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไปแล้ว แต่สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ยังมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มสูงขึ้นและพบผู้ป่วยรายใหม่ทุกวัน จึงจำเป็นต้องประกาศปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มเติมในพื้นที่ อ.มายอ อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง และ อ.เมือง จ.ปัตตานี
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปัตตานี กำหนดให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังต่อไปนี้
1.ปิดมัสยิดและบาลาเซาะห์ บ้านสะกำ ม.1 ต.สะกำ อ.มายอ จ.ปัตตานี จำนวน 1 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.64 - 8 ส.ค.64(35 วัน)
2.ปิดมัสยิดและบาลาเซาะห์ บ้านปาลัส ม.5 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี จำนวน 5 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 - 13 ส.ค.64 (35วัน)
3.ปิดมัสยิดและบาลาเซาะห์ บ้านเปี๊ยะ ม.1 ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จำนวน 2 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.64 - 8 ส.ค.64 (35วัน)
4.ปิดมัสยิดและบาลาเซาะห์ บ้านชะเอาะ ม.5 ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จำนวน 3 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 -15 ส.ค.64 (35 วัน)
5.ปิดเฉพาะบ้านติดเชื้อ/ผู้เสี่ยงสูง ในพื้นที่ ต.จะบังติกอ อ.เมืองปัตตานี จำนวน 15 หลังคาเรือน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 -13 ส.ค.64 ( 35 วัน)
6.ปิดเฉพาะบ้านผู้ติดเชื้อ/ผู้เสี่ยงสูง ต.จะบังติกอ จำนวน 1 หลังคาเรือน และ ต.สะบารัง จำนวน 13 หลังคาเรือน อ.เมืองปัตตานี ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.64 - 17 ส.ค.64 (35วัน)
@@ เบตงรณรงค์เร่งฉีดวัคซีน 70 % เตรียมเปิดรับท่องเที่ยว ต.ค.นี้
ที่ อ.เบตง นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตงและผอ.ศปก.อ.เบตง เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเบตง (ศปก.อ.เบตง) โดยมีคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเบตง (ศปก.อ.เบตง) ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่และการดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือตามที่ ศบค.ยะลา ให้แต่ละอำเภอสร้างหมู่บ้านและชุมชนต้นแบบที่สมัครใจฉีดวัคซีน 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ต้องเกิดจากความต้องการและความสมัครใจในการฉีดวัคซีนป้องกันหมู่ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งหากชุมชน หมู่บ้านใดสามารถทำได้จะส่งผลต่อการเปิดทำกิจกรรมภายในชุมชนได้ และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมมือกันและรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปรับชีวิตเพื่อพิชิตโควิด-19 ด้วยการให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากทั้งหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือและเว้นระยะห่าง เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เพื่อความปลอดภัยทางสังคม เนื่องจากพบว่า ช่วงนี้ประชาชนการ์ดเริ่มตกในหลายพื้นที่ ทำให้พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นและการรณรงค์เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 70% เพื่อนำไปสู่การเปิดเมืองท่องเที่ยวเบตงในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะทำให้การค้าขาย เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่กลับมาคึกคักได้เหมือนเดิม
@@หมอยะลา ยืนยันฉีดวัคซีนไขว้ให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น
ส่วนบรรยากาศการฉีดวัคซีนใน จ.ยะลา ที่หน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ประชาชนตื่นตัว เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์พิพัฒน์ มงคลฤทธิ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ โรงพยาบาลยะลา เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันอาการบาดเจ็บ ลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ให้เสียชีวิต การสร้างภูมิคุ้มกันแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน ผลจากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศนโยบาย ให้มีการฉีดสลับ เนื่องจากผลจากการศึกษาทั้งจุฬาลงกรณ์ อาจารย์หมอยงและที่โรงพยาบาลศิริราช พบว่า ภูมิต้านทานจากการฉีดสลับ คือ เข็มแรกฉีด ซิโนแวค ตามด้วยเข็มที่สอง ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ฉีดแอสตร้าเซเนก้า จะให้ภูมิคุ้มกันที่ฉีดแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม ดังนั้นทางกระทรวงมีนโยบาย คนที่ฉีดวันนี้เป็นซิโนแวค เข็มสองจะเป็นแอสตร้าเซเนก้า สำหรับเข็มที่สาม อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ ข้อมูลปัจจุบันยังไม่ชัดเจน
สำหรับการฉีดวัคซีนสลับกันจะเป็นผลประโยชน์ที่ได้กับคนไข้ มั่นใจในภูมิคุ้มกันที่จะเพิ่มขึ้น ความปลอดภัย วัคซีนแต่ละชนิด มีผลข้างเคียง อาจจะมีผื่นคัน แพ้บ้างเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต
@@โรงพยาบาลหลักนราธิวาสวิกฤติ เตียงติดลบ 121
ด้านรายงานข้อมูลเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ เป็นข้อมูล ณ เวลา 15.30 น. ของวันที่ 15 ก.ค.64 มีข้อมูลดังนี้
จ.สงขลา โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 775 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 775 เตียง ไม่เหลือเตียงว่างเลย ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 2,135 เตียง ใช้ไป 2,081 เตียง คงเหลือ 54 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:148
จ.ปัตตานี โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 426 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 401 เตียง คงเหลือ 25 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 1,835 เตียง ใช้ไป 1,210 เตียง คงเหลือ 625 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:13
จ.ยะลา โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 591 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 567 เตียง คงเหลือ 24 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 960 เตียง ใช้ไป 744 เตียง คงเหลือ 216 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:160
จ.นราธิวาส โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 410 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 531 เตียง คงเหลือ -121 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 900 เตียง ใช้ไป 434 เตียง คงเหลือ 466 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:87
@@ติดเชื้อรายใหม่เกิน 100 ทุกจังหวัด ปัตตานีเสียชีวิตวันเดียว 6 ราย
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้และสงขลา ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ค.64 มีดังนี้
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 160 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 4,175 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,832 ราย รักษาหายแล้ว 2,314 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 39 ราย อยู่ระหว่างรอผล 1,958 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 1,770 ราย, อ.กรงปินัง 434 ราย, อ.เบตง 305 ราย, อ.รามัน 284 ราย, อ.บันนังสตา 681 ราย, อ.กาบัง 178 ราย อ.ธารโต 288 ราย และ อ.ยะหา 245 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 1,832 ราย แยกเป็น โรงพยาบาลยะลา 168 ราย โรงพยาบาลเบตง 66 ราย รพช. 6 แห่ง 333 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 43 ราย โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 731 ราย โรงพยาบาลสนามเบตง 13 ราย โรงพยาบาลสนามรามัน 2 แห่ง 280 ราย Bubble & Seal 133 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าระบบ 65 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ป่วยรายใหม่ 172 ราย แยกเป็น พื้นที่ อ.ระแงะ 56 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 18 ราย,อ.เจาะไอร้อง 19 ราย, อ.เมือง 19 ราย, อ.สุไหงปาดี 14 ราย, อ.ศรีสาคร 8 ราย, อ.ตากใบ 14 ราย, อ.ยี่งอ 11 ราย, อ.จะแนะ 3 ราย, อ.แว้ง 4 ราย และ อ.รือเสาะ 6 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,609 ราย รักษาหายสะสม 2,444 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 30 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 907 ราย, อ.ระแงะ 400 ราย, อ.รือเสาะ 162 ราย, อ.บาเจาะ 300 ราย, อ.จะแนะ 249 ราย, อ.ยี่งอ 157 ราย, อ.ตากใบ 600 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 121 ราย, อ.สุไหงปาดี 172 ราย, อ.ศรีสาคร 181 ราย, อ.แว้ง 102 ราย, อ.สุคิริน 103 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 155 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 193 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 5,244 ราย รักษาหายแล้ว 2,869 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 6 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 54 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 139 ราย โรงพยาบาลสนามจังหวัด 691 ราย โรงพยาบาลประจำอำเภอ 558 ราย โรงพยาบาลชุมชน 376 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 33 ราย สิโรรส-ปาร์ควิว Hospitel 129 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาแอดมิท 387 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 8 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 1,639 ราย, อ.หนองจิก 778 ราย, อ.โคกโพธิ์ 362 ราย, อ.ยะหริ่ง 573 ราย, อ.สายบุรี 235 ราย, อ.ไม้แก่น 95 ราย, อ.แม่ลาน 106 ราย, อ.ยะรัง 424 ราย, อ.ปะนาเระ 201 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 147 ราย, อ.มายอ 529 ราย และ อ.กะพ้อ 97 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 181 ราย แยกเป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่ 110 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงาน 28 ราย กลุ่มรอสอบสวนโรค 12 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงอื่นๆ 31 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 8,496 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 8,473 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 2,756 ราย รักษาหายแล้ว 5,705 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 35 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 1,833 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 2,092 ราย, อ.เมืองสงขลา 1,458 ราย, อ.จะนะ 1,009 ราย, อ.เทพา 621 ราย, อ.สิงหนคร 537 ราย, อ.สะเดา 434 ราย, สทิงพระ 270 ราย, อ.สะบ้าย้อย 247 ราย, อ.บางกล่ำ 203 ราย, อ.นาทวี 113 ราย, อ.รัตภูมิ 88 ราย, อ.ระโนด 81 ราย, อ.นาหม่อม 85 ราย, ควนเนียง 52 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 38 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 11 ราย, เป็นกรณีเรือนจำ รวม 1,089 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 45 ราย และจากต่างประเทศ 23 ราย