เก็บตกมติ ครม.อนุมัติเงินเยียวยาเพิ่มเติมเหยื่อกระสุน 3 ศพเขาตะเวอีกรายละ 1 ล้านบาท พร้อมส่งเสียทายาทให้เล่าเรียนจนจบปริญญาตรี หลังต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่า "สำคัญผิด" จนถูกยิงเสียชีวิตบนภูเขาเมื่อปลายปีที่แล้ว
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 18 ส.ค.63 มีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กพต. ครั้งที่ 1/2563 ซึ่งประชุมกันไปเมื่อวันที่ 16 ก.ค.63 โดย กพต.ได้ให้ความเห็นชอบ 5 เรื่อง และหนึ่งในนั้นคือการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมกับครอบครัวและทายาทของผู้เสียชีวิต 3 รายบนเขาตะเว
เหตุการณ์ใช้อาวุธจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 เมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่ป่าเขา บริเวณเขาอาปี ในเทือกเขาตะเว รอยต่อระหว่าง อ.ระแงะ กับ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และมีการใช้อาวุธ โดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยคดีคความมั่นคง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย นายฮาพีซี มะดาโอะ อายุ 24 ปี, นายบูดีมัน มะลี อายุ 26 ปี และนายมะนาซี สะมะแอ อายุ 27 ปี
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ครอบครัวละ 500,000 บาท ตามระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายและผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555 (ระเบียบ กพต.) แต่ครอบครัวและทายาทของผู้ตายรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงส่งตัวแทนเดินทางไปที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.63 เพื่อร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
ครอบครัวของผู้ตายอ้างว่า ได้รับเงินเยียวยาไม่ครบถ้วนตามที่ฝ่ายรัฐรับปากเอาไว้ และไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเจัาหน้าที่ทหารที่ใช้อาวุธจนมีผู้เสียชีวิต แต่ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ออกโรงชี้แจงว่าฝ่ายรัฐทุกหน่วยจ่ายเงินเยียวยาครบถ้วนทั้งหมดแล้ว รวมครอบครัวละประมาณ 760,000 บาท (เงินเยียวยาตามระเบียบ กพต. รายละ 500,000 บาท บวกกับเงินช่วยเหลืออื่นๆ) (อ่านประกอบ : เปิดข้อมูล 3 ด้าน เยียวยาครอบครัว 3 ศพเขาตะเว จ่ายครบหรือจบไม่จริง?)
อย่างไรก็ดี ต่อมา วันที่ 26 มิย.63 คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ได้ประชุมหารือกัน และมีมติเห็นสมควรให้การเยียวยาเพิ่มเติมแก่ทายาทผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย อีกรายละ 1,000,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการเยียวยาฯ เช่นกัน นอกจากนั้น 1 ใน 3 ครอบครัวมีบุตร 1 คน ซึ่งจะต้องดำเนินการเยียวยาในเรื่องการศึกษา โดยเป็นค่าเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนจบปริญญาตรี และเบี้ยยังชีพรายเดือนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กระทรวง พม.) ด้วย จากนั้นได้ส่งเรื่องให้ กพต.ให้ความเห็นชอบ (อ่านประกอบ : ศอ.บต.ชงจ่าย 3 ศพเขาตะเวอีกรายละล้าน แจงเยียวยาอับดุลเลาะ 1.5 ล.ไม่ใช่เงินสด)
ล่าสุด ครม.ได้มีมติตามผลประชุมของ กพต. ดังนี้
1. ให้ความช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความเป็นธรรมตามสภาพปัญหาและความจำเป็นเร่งด่วน 3 ราย รายละ 1 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3 ล้านบาท
2. ให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านทุนการศึกษารายปี และเงินยังชีพรายเดือนแก่ทายาทของ นายบูดีมัน มะลี (ผู้เสียชีวิต) คือ ด.ช.นาอีม มะลี จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (อายุไม่เกิน 25 ปี) โดยให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวง พม. เป็นผู้ขอรับการจัดสรรงประมาณจากสำนักงานงบประมาณ และเป็นผู้เบิกจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับความเสียหายและผู้ได้รับผลกระทบฯ ตามระเบียบ กพต. ข้อ 7 (1)
สำหรับความคืบหน้าทางคดี เมื่อวันจันทร์ที่ 24 ส.ค. ศาลจังหวัดนราธิวาส นัดพิจารณาสำนวนไต่สวนการตาย กรณีการเสียชีวิตบนเทือกเขาตะเว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 เพราะเป็นการเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าพนักงานที่อ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยคดีนี้ญาติผู้ตายทั้ง 3 ครอบครัวได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เพื่อทำหน้าที่เป็นทนายว่าความให้กับญาติในคดีไต่สวนการตาย แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัด ศาลได้เลื่อนนัดออกไปก่อน
จากการสอบถามครอบครัวของผู้ตายทั้ง 3 คน ยืนยันว่ายังไม่ได้รับเงินเยียวยาเพิ่มเติมตามมติ ครม. และมติ กพต. แต่ก็รู้สึกดีใจหากจะได้รับการเยียวยาเพิ่มเติม เข้าใจว่าขณะนี้อยู่ในกระบวนการเบิกจ่ายเงินของทางราชการ
----------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร
2 เวทีประชาคมที่หมู่บ้านของผู้เสียชีวิตหลังเกิดเหตุเมื่อปลายปัีที่แล้ว ทุกฝ่ายเห็นด้วยให้เยียวยาเป็นกรณีพิเศษ
3 เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนของครอบครัวผู้เสียชีวิต