ผู้การตำรวจนราธิวาส สั่งเด้ง ผกก.โคกเคียน เซ่นเหตุโชเล่ย์บอมบ์ ชาวบ้านทราบข่าวแห่ให้กำลังใจ ด้าน ผกก.เผยเหตุสุดวิสัยที่จะป้องกันได้ โวยคำสั่งย้ายไม่เป็นธรรม
วันที่ 21 เม.ย.68 พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้ออกหนังสือคำสั่งตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ที่ 329/2568 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2568 เวลาประมาณ 18.45 น.เกิดเหตุระเบิดบริเวณริมกำแพงถนนหลังสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน (สภ.โคกเคียน) ในเขตพื้นที่โคกเคียน จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย จึงส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว และขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพื่อให้การปฏิบัติราชการของตำรวจภูธร จ.นราธิวาส จึงให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการและรักษาราชการแทน ดังนี้
1.พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส โดยขาดจากบังคับบัญชาตำแหน่งเดิม
2.ว่าที่ พ.ต.อ.นพดล ดิเรกวัฒนสาร ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส อีกหนึ่งหน้าที่
มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าผู้ดำรงตำแหน่งกลับไปปฏิบัติหน้าที่หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
@@ ชาวบ้านนับร้อยแห่ให้กำลังใจ ผกก.
ในช่วงสายวันเดียวกัน มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเหตุระเบิดทำให้ทรัพย์สินเสียหายได้ทยอยเดินทางมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการทำเรื่องเยียวยาของความช่วยเหลือเงินชดเชยจากภาครัฐ และหลังชาวบ้านเริ่มทราบข่าวว่า พ.ต.อ.วีรยุทธ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกอย่างเป็นกันเองว่า “ผู้กำกับโต้ง” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของท่าน ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งย้ายจากเหตุลอบวางระเบิด ทำให้ชาวบ้านกว่า 100 คน ได้รวมตัวกันทยอยเดินทางมาให้กำลังใจ เนื่องจากที่ผ่านมานายตำรวจท่านนี้ลงไปคลุกคลีช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งเรื่องปัญหาความเดือดร้อนและคดีความต่างๆ จนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านในพื้นที่
โดยภรรยาของ พ.ต.อ.วีรยุทธ ผกก.สภ.โคกเคียน ที่เดินทางมารับชาวบ้านที่มาให้กำลังใจสามีถึงกับร้องไห้โฮ ซาบซึ้งในน้ำใจชาวบ้านที่รักสามีตนด้วยความจริงใจ จนชาวบ้านต้องเข้าไปปลอบโยนพร้อมกับพูดว่า “ถึงอย่างไรชาวบ้านก็รักเคารพ พ.ต.อ.วีระยุทธ แม้ใครไม่เห็นคุณงามความดีแต่ชาวโคกเคียนทุกคนรู้แก่ใจ”
@@ ผกก.เป็นคนตั้งใจทำงาน เข้ากับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี
นายรอซดี ดาโอะ ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ผมในนามตัวแทนของคนบ้านทอนและตัวแทนของพี่น้องชาวประมงที่มาที่นี่ พอทราบข่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ที่ท่านผู้กำกับถูกคำสั่งเร่งด่วนให้ต้องย้ายไปจากพื้นที่ ท่านผู้กำกับมีผลงานมากมายไม่ว่าจะเป็นคดีต่างๆ ท่านก็สามารถจะเคลียร์คดีได้อย่างเร็ว ไม่ว่าจะเป็นคดีที่มีการยิงกัน หรืออีกหลายๆคดีท่านก็ปิดคดีได้เร็ว
“อีกอย่างที่เราภูมิใจมากที่สุดก็คือ ท่านได้อนุญาตให้สร้างที่ละหมาดภายในโรงพัก ซึ่งโรงพักอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้ แล้วท่านก็ไม่ได้แบ่งพรรคแบ่งพวกว่า ศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลาม ท่านให้ความสำคัญกับทุกศาสนา เวลามาติดต่อหรือประสานงานท่านให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พูดจาได้ดีมากเลยทำให้เราประทับใจกับผู้กำกับ แต่วันนี้ท่านโดนย้ายด่วน พวกเรารู้สึกไม่สบายใจเหมือนกับขาดที่พึ่ง”
นายสำรี อารง กำนันตำบลโคกเคียน กล่าวว่า มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ส่วนตัวผมกับผู้กำกับ คือร่วมงานมาตั้งแต่ประมาณ 4 ปีแล้ว ตั้งแต่ผมรับตำแหน่งกำนันใหม่ๆ ก็ได้มีโอกาสได้มาร่วมงานกับท่าน ท่านเป็นคนหนึ่งที่มาพัฒนาตำบลโคกเคียนของเรา ทำงานร่วมกับปกครองตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดเหตุตอนไหน เวลาไหน ก็สามารถที่จะโทรหาท่านได้ตลอดเวลา ท่านรับสายทุกครั้ง แต่ถ้าติดธุระไม่ได้รับสาย ว่างแล้วท่านก็จะโทรกลับตลอด
“อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ผมรู้สึกเสียดายผู้บริหารที่ดีคนหนึ่ง ที่จะต้องจากตำบลของเราไป”
@@ ยันเหตุสุดวิสัยป้องกันเต็มที่แล้ว โวยถูกย้ายไม่เป็นธรรม
ขณะที่ พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน ได้ถือเอกสารต่างๆที่ได้รับรางวัลเชิดชูความดีตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่จากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของภาค 9 มาเป็นการการันตี พร้อมทั้งกล่าวว่า เนื่องจากตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งของตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ที่มีคำสั่งให้ตนเข้าประจำที่ภูธรจังหวัดนราธิวาส สืบเนื่องจากเมื่อคืนนี้เวลา 18.45 น. มีเหตุระเบิดโดยคนร้าย 2 คน ขับรถโชเล่ย์มาจอดที่ข้างรั้วกำแพงของ สภ.โคกเคียน และไม่ถึง 30 นาที ทำให้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งมันเป็นเหตุสุดวิสัยเกินที่เราจะป้องกัน
“ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.โคกเคียนปฏิบัติหน้าที่มีแผนในการป้องกัน มีการรายงานส่งผลการปฏิบัติ ทางช่อง LINE ผู้บังคับบัญชาตลอด มีแผนการปฏิบัติงานโดยเวลา 1 ทุ่ม เราจะมีการปล่อยแถวที่หน้า สภ.มีกำลังคนประมาณ 25 นาย และเวลา 19.00 น.-22.00 น.จะมีจราจรไปตั้งด่านหน้าสภ.โคกเคียน ตั้งด่านป๊อบอัพ ถึงแยกชายหาดบ้านทอน แล้วก็มีร้อยเวร 20 พร้อมกำลัง ว.4 ข้างหลังถนน สภ.โคกเคียนทุกวัน เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน เรามีการป้องกันอย่างดี ซึ่งเหตุการณ์เมื่อคืนมันเป็นเหตุสุดวิสัยที่เราจะป้องกันได้ ซึ่งในการออกคำสั่งในครั้งนี้ ผมถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ตลอดมาผมทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
@@ “ภูมิธรรม” สั่งเร่งเยียวยาเหยื่อบึ้ม – เหตุยิงชาวบ้านแว้ง
วันเดียวกันนี้ (21 เม.ย.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำกับดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งการด่วนให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดย นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่เยียวยา ศอ.บต. เจ้าหน้าที่เยียวยาอำเภอแว้ง และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านไทยพุทธ ขณะกำลังนั่งพูดคุยและรับประทานอาหารที่หน้าบ้านในพื้นที่บ้านฆอเลาะทูวอ (บ้านช่างทร) หมู่ 7 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
จากนั้นได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่นอนพักรักษาตัวอยู่ จำนวน 5 ราย ขณะนี้ทั้งหมดรู้สึกตัวดีและยังอยู่ในการดูแลของแพทย์และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ จำนวน 2 ราย
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ เยียวยา ศอ.บต. ยังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาส เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดกำแพงด้านหลัง สภ.โคกเคียน หมู่ 10 บ้านทอนฮีเล ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งมีผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ทั้งหมด 8 ราย และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ จำนวน 2 ราย และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้จำนวน 2 ราย
อีกทั้งยังได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งส่วนราชการในพื้นที่มีการบูรณาการความร่วมมือ ช่วยเหลือเยียวยาไม่ใช่เพียงการเยียวยาด้านจำนวนเงินแต่จะมีการเยียวยาด้านการฟื้นฟู ด้านคุณภาพชีวิต ภายหลังจากนี้ ให้มีความต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข และขอให้เชื่อมั่นว่า ภาครัฐ จะไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน
@@ เรียกร้องยุติเหตุรุนแรงต่อเด็กและกลุ่มเปราะบาง
วันที่ 21 เม.ย.68 สมาคมด้วยใจเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ได้มีออกแถลงการณ์ผลกระทบจากความรุนแรงต่อพลเรือนในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีเนื้อหาในตอนหนึ่งระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 สมาคมด้วยใจเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมพบว่า เด็กจำนวน 16 คนและผู้หญิงจำนวน 21 คน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด มีอุสตาซถูกสังหาร 1 คน และกลุ่มคนไทยพุทธถูกลอบยิงจำนวนมาก ต่อมาในวันที่ 20 เม.ย.68 เกิดเหตุลอบวางระเบิดหลังแฟลต สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ส่งผลให้เด็กได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 คนและกราดยิงชาวบ้านไทยพุทธที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ทำให้ภายในระยะเวลา 3 วัน มีผู้เสียชีวิต 1 คนและได้รับบาดเจ็บ 17 คน ทั้งหมดเกิดขึ้นใน จ.นราธิวาส
ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบจากความขัดแย้งทางอาวุธที่ไม่ใช่ระหว่างประเทศ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิต ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก ผู้หญิง ผู้นำศาสนา และประชาชนชาวไทยพุทธในพื้นที่ สมาคมด้วยใจฯ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ยุติการโจมตีหรือปฏิบัติการทางทหารทุกรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อพลเรือน โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง ผู้นำศาสนา และประชาชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสู้รบ
2. เคารพและปฏิบัติตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติม ที่ให้การคุ้มครองพลเรือนในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ไม่ใช่ระหว่างประเทศ
3. ดำเนินการสอบสวนอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และมีความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มเปราะบาง พร้อมนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
4. ส่งเสริมกลไกป้องกันความรุนแรง เช่น ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การติดตามสถานการณ์ และการประสานงานข้ามฝ่ายในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
5. ฟื้นฟูและเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ
6. รัฐควรแสดงท่าทีและดำเนินการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแสดงเจตจำนงในการยุติความรุนแรงและสร้างทางออกที่ยั่งยืน
@@ ครม.ประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 3 เดือน
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.68 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยกเว้นบางอำเภอ) ออกไปอีก 3 เดือน เป็นครั้งที่ 80 ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.68 - 19 ก.ค.68 ในเขตท้องที่ จ.นราธิวาส ยกเว้น อ.ยี่งอ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง และ อ.สุคิริน , จ.ปัตตานี ยกเว้น อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.มายอ อ.ไม้แก่น อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ และ อ.แม่ลาน , จ.ยะลา ยกเว้น อ.เบตง อ.ยะหา อ.รามัน อ.กาบัง และ อ.กรงปินัง เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เกิดความต่อเนื่อง ในการป้องกัน ระงับ ยับยั้งสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้ง ยังเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในพื้นที่
ซึ่งการต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้ อ้างอิงจากรายงานด้านความมั่นคงที่ระบุถึงการ กลับมาของเหตุรุนแรง ซึ่งมีแนวโน้มถี่ขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุโจมตีเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์และเจ้าหน้าที่รัฐในหลายพื้นที่ ที่สร้างความวิตกกังวลด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน