'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' จี้ ปทส. ตรวจหลักฐานคนขอคืนไม้พะยูง 200 ล. ภายใน 15 วัน

OMBBTTaaa

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ออกคำวินิจฉัย จี้ ปทส.ตรวจสอบหลักฐานคนอ้างสิทธิ์เป็นตัวแทน บ.พงสะหวัน ขอคืนไม้พะยูง 200 ล้าน ภายใน 15 วัน ชี้หากมีโต้แย้งให้ทำบันทึกหลักฐานไว้ก่อนส่งศาลตัดสิน

....................................

สำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org) รายงานความคืบหน้าประเด็นตรวจสอบกรณีไม้พะยูงจำนวนกว่า 11 ตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 1,664 ท่อน 155 ลูกบาศก์เมตร มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ที่อ้างว่าถูกนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และถูกยึดไว้ที่สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง (ด่านลาดกระบัง) เมื่อปี พ.ศ.2549 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการนำไม้ดังกล่าวส่งคืนให้กับ สปป.ลาวแต่อย่างใด ทั้งที่เมื่อปี 2556 กระทรวงการต่างประเทศได้มีมติเตรียมจะคืนไม้ของกลางทั้งหมดให้กับรัฐบาล สปป.ลาว เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลอย่างน้อย 3 กลุ่ม อ้างสิทธิ์ขอคืนไม้พะยูงของกลางดังกล่าว (อ่านประกอบ:จำแนก 4 กลุ่ม ศึกชิงไม้พะยูง 200 ล.! ผู้รับจ้างขนเข้าไทย โผล่อ้างสิทธิ์ขอคืนด้วย?)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีคำวินิจฉัยแจ้งถึงนางสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ ตัวแทนของนายสอนแก้ว สิดทิไช หนึ่งในผู้อ้างสิทธิไม้พะยูง โดยขอให้กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) แจ้งตรวจสอบหลักฐานผู้อ้างสิทธิเป็นตัวแทน จาก Phongsavanh Wood industry หรือบริษัท พงสะหวัน ค้าไม้ จํากัด หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ จํากัด หรือโรงเลื่อยพงษ์สะหวัน หรือบริษัท วิสาหกิจ ส่วนบุคคลพงสะหวันอุตสาหกรรมค้าไม้ จํากัด ที่มีสิทธิเรียกร้องขอคืนไม้พะยูงของกลาง ภายใน 15 วัน พร้อมขอให้กรมศุลกากร ในฐานะผู้เก็บรักษาไม้พะยูงของกลาง มีคําสั่งให้สํานักงานศุลกากรตรวจ สินค้าลาดกระบัง คืนไม้พะยูงของกลางให้แก่บุคคลที่ ปทส. ยืนยันว่าเป็นบุคคลผู้รับมอบอํานาจด้วย ซึ่งกรณีมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์หรือกล่าวอ้างว่าบุคคลใดมิใช่ผู้รับมอบอํานาจที่แท้จริง และคู่กรณีทุกฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ให้ บก.ปทส. และกรมศุลกากร จัดทําบันทึกและให้คู่กรณีทุกฝ่ายลงลายมือ ชื่อไว้ และแจ้งให้คู่กรณีทุกฝ่ายทราบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทราบอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไปยื่นฟ้องต่อศาลด้วย

โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ขอให้ผู้บังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ทําความเห็นตามรายงานการสอบสวนคดีอาญาที่ 202/2549 บัญชียึดทรัพย์ ที่ 144/2549 ของ บก.ปทส. แจ้งไปยังอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะผู้เก็บรักษาของกลาง โดยยืนยันและตรวจสอบ พยานหลักฐานจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมทุกรายว่าบุคคลใดเป็นผู้รับ มอบอํานาจจาก Phongsavanh Wood industry หรือบริษัท พงสะหวัน ค้าไม้ จํากัด หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ จํากัด หรือโรงเลื่อยพงษ์สะหวัน หรือบริษัท วิสาหกิจ ส่วนบุคคลพงสะหวันอุตสาหกรรมค้าไม้ จํากัด อันเป็นนิติบุคคลที่มีสิทธิเรียกร้องขอคืนไม้พะยูงของกลาง ภายใน 15 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับแจ้งหนังสือแจ้งผลคําวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน

2. ขอให้กรมศุลกากร ในฐานะผู้เก็บรักษาไม้พะยูงของกลาง มีคําสั่งให้สํานักงานศุลกากรตรวจ สินค้าลาดกระบัง คืนไม้พะยูงของกลางให้แก่บุคคลที่ผู้บังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าเป็นบุคคลผู้รับมอบอํานาจจาก Phongsavanh Wood industry หรือบริษัท พงสะหวัน ค้าไม้ จํากัด หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ จํากัด หรือโรงเลื่อยพงษ์สะหวัน หรือบริษัท วิสาหกิจส่วนบุคคล พงสะหวันอุตสาหกรรมค้าไม้ จํากัด อันเป็นนิติบุคคลที่มีสิทธิเรียกร้องขอคืนไม้พะยูงของกลางโดยดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกองบังคับการ ปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

3. กรณีมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์หรือกล่าวอ้างว่าบุคคลใดมิใช่ผู้รับมอบอํานาจที่แท้จริง และคู่กรณีทุกฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ให้ บก.ปทส. และกรมศุลกากร จัดทําบันทึกและให้คู่กรณีทุกฝ่ายลงลายมือ ชื่อไว้ และแจ้งให้คู่กรณีทุกฝ่ายทราบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทราบอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไปยื่นฟ้องต่อศาล ที่มีอํานาจชําระคดีนั้นต่อไป โดยให้สํานักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผลการวินิจฉัยให้ผู้ร้องเรียนตลอดจนผู้ยื่นเรื่อง ขอความเป็นธรรมต่อผู้ตรวจการแผ่นดินทั้งสองราย และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป

ombbb1