ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'พันเอก พอพันธ์ อิฐรัตน์' อดีตนายทหารการเงิน กองทัพภาค 2 เบียดบังเงินหลักประกันสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 13 ล่าสุด ศาลมณฑลทหารบกที่ 21 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี รับสารภาพลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน คืนเงิน 1,455,000 บาท นับโทษต่อจากคดีเก่าโดนไปแล้ว 6 ปี 18 เดือนด้วย
........................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา พันเอก พอพันธ์ อิฐรัตน์ สำรองราชการมณฑลทหารบกที่ 21 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายทหารการเงิน กองทัพภาคที่ 2 ไม่นำเช็คที่ธนาคารฯ สั่งจ่ายหลักประกันสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 13 (ป.พัน.13) เข้าฝากในบัญชีเงินฝากของกองทัพภาคที่ 2 แต่เบียดบังเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2551
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ศาลมณฑลทหารบกที่ 21 มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน และให้จำเลยใช้เงิน จำนวน 1,455,000 บาท คืนให้แก่กองทัพบก
โทษจำคุกให้นับต่อจากโทษตามคดีแดงที่ 99/2563 ของ ศาลมณฑลทหารบกที่ 21 แต่มิให้หักวันคุมขังในคดีนี้ ตั้งแต่วันที่ศาลประทับฟ้องจนถึงวันก่อนที่ศาลพิพากษา เนื่องจากวันคุมขังทับซ้อนกับวันคุมขังในคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ลงมติเห็นชอบกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลมณฑลทหารบกที่ 21
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา พันเอก พอพันธ์ อิฐรัตน์ สำรองราชการมณฑลทหารบกที่ 21 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายทหารการเงิน กองทัพภาคที่ 2 และเหรัญญิก สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานีวิทยุกระจายเสียง กองทัพภาคที่ 2 เบียดบังเงินค่าเช่าเวลาสถานีวิทยุกระจายเสียงฯ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2547
โดยเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ศาลมณฑลทหารบกที่ 21 มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.อ. พ.ศ.2502 มาตรา 3 รวม 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี
ลดโทษที่จำเลยให้การรับสารภาพ ลงกระทงละกึ่งหนึ่ง เป็นโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน
รวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกไว้มีกำหนด 6 ปี 18 เดือน และให้จำเลยใช้เงินจำนวน 3,330,000 บาท คืนแก่กองทัพบก
(อ่านประกอบ : ศาลทหาร สั่งจำคุก'พันเอก' 6 ปี 18 ด.-คืนเงิน 3.3 ล.! เบียดบังค่าเช่าเวลาสถานีวิทยุฯ)
อ่านเรื่องในหมวดเดียวกัน
คุก 9 ปี! อดีตศุลการักษ์ แสดงตนมีอำนาจนำรถของกลางออกจำหน่ายด้วยวิธีพิเศษ
คุก 5 ปี! อดีตนายกฯ บ้านโตนด เอารถหลวงไปใช้ส่วนตัว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage