“...โดยที่นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญกำหนดให้บริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังมีฐานะเป็นผู้นำประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวมีส่วนสำคัญ และมีหน้าที่จัดการดูแลความปลอดภัยให้แก่นายกรัฐมนตรี และครอบครัวตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่มีความปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างสภาพสุขกาย สุขใจ การปฏิบัติภารกิจบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักให้แก่ผู้นำประเทศกรณีดำรงตำแหน่ง…”
...................................
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 8/2563 กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ จากการอยู่อาศัยในบ้านพักราชการทหาร ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) หรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คดีนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ราย มีมติเป็น ‘เอกฉันท์’ ว่า พฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ความเป็นรัฐมนตรีจึงไม่สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว
โดยนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที ระบุสาระสำคัญว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้อง คำชี้แจง ข้อกล่าวหา คำชี้แจงผู้เกี่ยวข้อง และเอกสารประกอบแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน ตาม พ.ร.บ.ศาลรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 58 วรรคหนึ่ง
กำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของประยุทธ์สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ตั้งแต่เมื่อใด
@ยกระเบียบบ้านพักรับรอง ทบ.ชี้แจง
ข้อเท็จจริงในคดีปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. พักอาศัยในอาคารหมายเลข 253/54 ตั้งอยู่ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ซึ่งบ้านพักหลังนี้ มีการปรับโอนให้มีสถานะเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบกเมื่อปี 2555 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ในราชการของกองทัพบก
มีประเด็นต้องวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนว่า ผู้ถูกร้อง (พล.อ.ประยุทธ์) กระทำการลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่
เห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ข้อ 5 กำหนดให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองต้องมีลักษณะตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ข้อ 5.1 ข้าราชการสังกัดกองทัพบก มีชั้นยศพลเอก ข้อ 5.2 เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงในกองทัพบก ทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาแล้ว
ข้อ 7 กำหนดให้แบ่งประเภทบ้านพักรับรองของกองทัพบกสำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5 โดยข้อ 7.1 บ้านพักรับรองกองทัพบก อาคารหมายเลข 70/25 เป็นบ้านพักรับรองของ ผบ.ทบ. ข้อ 7.2 บ้านพักรับรองหมายเลข 1, 4, 31, 170.10, 246/16, 26/18, 385/23, 249/25, 437/37, 492,45, 493,45 และที่กองทัพบกกำหนดขึ้นภายหลังเป็นบ้านพักรับรองของผู้บัญชาการชั้นสูงของกองทัพบก และอดีตผู้บังคับบัญชาตามข้อ 5.8
ข้อ 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ผู้เข้าพักหมดสิทธิเข้าพักอาศัยกรณีนี้ ได้แก่ 8.1 ย้ายออกนอกกองทัพบก 8.2 ออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด 8.3 ถึงแก่กรรม 8.4 เมื่อพิจารณาให้หมดสิทธิเข้าพักอาศัย
ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5.2 หมดสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 8.1 และ 8.2 แล้ว กองทัพบกอาจพิจารณาให้มีสิทธิเข้าพักอาศัยเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ ขณะที่ข้อ 11 กำหนดว่า บ้านพักรับรองที่กองทัพบกกำหนดให้พิจารณาความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า น้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัยตามความจำเป็นและการใช้งาน
@ผบ.ทบ.การันตี‘บิ๊กตู่’อยู่ได้เหตุทำประโยชน์ให้ ทบ.-ประเทศชาติ
ประกอบกับคำชี้แจงของ ผบ.ทบ. ที่ชี้แจงว่า ขณะ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. อยู่ จึงเป็นผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรอง โดยอาศัยระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ข้อ 5 และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณตำแหน่ง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 แต่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ ยังคงมีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองดังกล่าว เนื่องจากเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูง และทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาแล้วตามข้อ 5.2 หาใช่อาศัยในบ้านพักรับรอง ในฐานะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงสถานะเดียวไม่ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก แม้เป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือน ย่อมไม่มีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองตามระเบียบกองทัพบกได้
นอกจากนี้ข้อ 8 กำหนดให้กองทัพบกเป็นผู้พิจารณาผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองที่หมดสิทธิ ด้วยเหตุย้ายออกนอกกองทัพบก หรือออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด ๆ ไม่มีสิทธิเข้าพักเป็นเฉพาะรายได้ การที่กองทัพบกกำหนดอาคารเลขที่ 253/54 เป็นบ้านพักรับรอง แม้จะเป็นการกำหนดขึ้นภายหลัง ปรากฏตามหนังสือ กบ ทบ ด่วนมาก ที่ ต่อ กห 0404/1560 ลงวันที่ 19 มิ.ย. 2555 โดยอนุมัติให้ปรับโอนอาคารเรือนรับรองดังกล่าวเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบก รับผิดชอบขึ้นตรงกับกองทัพบกก็ตาม แต่กำหนดอาศัยอำนาจตามข้อ 7.2 ให้กระทำได้
ส่วนกรณีกองทัพบกสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาในการใช้งานบ้านพักรับรองกองทัพบก พิจารณาความเหมาะสมสนับสนุนงบประมาณค่าไฟฟ้า และน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัย ตามความจำเป็นเหมาะสมตามข้อ 11 การให้สิทธิดังกล่าวข้างต้น กองทัพบกได้พิจารณาให้สิทธิแก่บุคคลผู้เข้าเงื่อนไข มีคุณสมบัติในการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก มิใช่ให้สิทธิเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น
@ชี้ตำแหน่งนายกฯคือ ‘ผู้นำประเทศ’ รัฐต้องพึงจัดที่พำนักเพื่อความปลอดภัย
ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ พักอาศัยในบ้านพักรับรองที่กองทัพบกจัดให้ และได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา เป็นไปตามดุลพนินิจของกองทัพบกมีอำนาจพิจารณาตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 แล้ว โดยระเบียบดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2548 ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และนายกรัฐมนตรี
โดยที่นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญกำหนดให้บริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังมีฐานะเป็นผู้นำประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวมีส่วนสำคัญ และมีหน้าที่จัดการดูแลความปลอดภัยให้แก่นายกรัฐมนตรี และครอบครัวตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่มีความปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างสภาพสุขกาย สุขใจ การปฏิบัติภารกิจบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักให้แก่ผู้นำประเทศกรณีดำรงตำแหน่ง
สำหรับประเทศไทย ในอดีตเคยกำหนดสถานที่บางแห่งเป็นที่พำนักนายกรัฐมนตรี เช่น บ้านพิษณุโลก แต่ปัจจุบันการบำรุงรักษายังไม่พร้อมใช้ หรือจัดให้มีใหม่ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศสมเกียรติ รัฐจึงจัดให้มีที่พำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่กองทัพบกอนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรอง สนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ได้รับสิทธิตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยปฏิบัติตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 เป็นกฎที่ยังคับใช้บังคับอยู่ ยังมิได้ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน
ประกอบกับกองทัพบกให้สิทธิดังกล่าวแก่ผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้น โดยถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล อันเนื่องจากการดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จึงมิได้เป็นการกระทำที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเงินหรือประโยชน์อื่นใดจากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยราชการเป็นพิเศษ นอกจากปฏิบัติต่อบุคคลอื่นในธุรกิจการงานปกติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 186 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) ดังนั้นความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5)
@ไม่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง-เหตุรับประโยชน์ตามกฎหมาย
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า พล.อ.ประยุทธ์ กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงฯ ตามมาตรา 160 (5) ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่
เห็นว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยบ้านพักรับรองที่กองทัพบกพิจารณาจัดบ้านพักรับรอง และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำ ใช้งานในบ้านพักรับรอง เป็นไปตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 แล้ว
จึงไม่เป็นกรณีการถือประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่แสวงหาผลประโยชน์มิชอบเพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ในประการกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และไม่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน และส่วนรวม ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม เว้นแต่เป็นการรับที่มีบทบัญญัติแก่กฎหมายให้รับได้
ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามกำหนดในประมวลมาตรฐานจริยธรรมฯ ข้อ 27 ประกอบข้อ 7, 8, 9, 11 อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) เป็นเหตุความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)
อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3)
อ่านประกอบ :
ประยุทธ์รอด! ศาล รธน.ชี้อาศัยบ้านพักทหารไม่ขัดรัฐธรรมนูญ-เหตุนายกฯคือผู้นำประเทศ
ถ้าไม่ผิดก็จบ! ‘บิ๊กตู่’ถอนหายใจคำถามสื่อก่อนศาล รธน.นัดวินิจฉัยคดีบ้านพักทหาร
อ้างบ้านสี่เสาฯ‘ป๋าเปรม’-ทบ.เปิดช่อง! ฉบับเต็มคำร้อง-คำชี้แจง‘บิ๊กตู่’คดีบ้านพักทหาร
(มีคลิป) จุดเป็น-จุดตายคดีบ้านพักทหารชี้ชะตา'บิ๊กตู่'
ชลน่าน ศรีแก้ว:ชำแหละจุด‘เป็น-ตาย’คดีบ้านพักทหาร‘บิ๊กตู่’-ล้มนายกฯสะเทือนทั้งกองทัพ?
‘บิ๊กตู่’ลุ้น! 2 ธ.ค.ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัยถูกร้องเป็น จนท.รัฐ-พ้นสถานะ รมต.หรือไม่
2 ธ.ค.อาถรรพ์? จากยุบพรรคพลังประชาชน ‘สมชาย’หลุดเก้าอี้นายกฯถึงชี้ชะตา‘ประยุทธ์’
ส่อผิดจริยธรรมร้ายแรง!‘หมอชลน่าน’เผยจุดตายคดีบ้านพักทหาร‘บิ๊กตู่’-ศาล รธน.นัดฟัง 2 ธ.ค.
ไม่กังวลศาล รธน.! นายกฯเชื่อทำดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง-มีบ้านส่วนตัวแต่พื้นที่จำกัด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage