คณะทำงานฝ่ายอัยการฯคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ แถลงชง อสส.ประสาน ตร.สอบสวนเพิ่มเรื่อง ‘ความเร็วรถ-สารโคเคน’ ยกรายงาน ‘ดร.สธน’ หลังไม่พบในสำนวนเดิม ยัน ‘เนตร นาคสุข’ วินิจฉัยเป็นไปตาม กม.ปมไม่สั่งฟ้อง ชี้ไม่อาจก้าวล่วงดุลพินิจ แต่อาจมีความเคลือบแคลงสงสัย เสนอใช้กฎหมายดำเนินการด้วย ลั่นต้องทำความจริงให้ปรากฏ ไม่ทิ้งแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2563 ที่อาคาร 120 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด (อสส.) นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่าย และรองโฆษกสำนักงาน อสส. แถลงข่าวถึงผลการประชุมคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาการสั่งคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส
โดยนายสมศักดิ์ ติยะวานิช รอง อสส. มอบหมายนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงาน อสส. แถลงถึงกรณีนี้ว่า สำนวนคดีนี้นายเนตร นาคสุข รอง อสส.พิจารณาวินิจฉัยตามพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ได้อยู่นอกเหนือสำนวน โดย พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเร็วรถ จากเดิมเห็นว่ามีความเร็วประมาณ 177 กม./ชม. แต่ภายหลังระบุว่ามีความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ดังนั้นเมื่อดูทั้งพยานชุดเก่าและชุดใหม่ ณ เวลาที่สำนวนอยู่กับนายเนตร จึงไม่มีความเร็วรถของพยานปากใดที่เห็นว่าเกิน 100 กม./ชม. แต่เฉลี่ยความเร็วประมาณ 70-90 กม./ชม.
“คณะทำงานฯจึงเห็นว่า สิ่งที่นายเนตร หยิบมาวินิจฉัย เป็นพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ได้อยู่นอกเหนือสำนวน การพิจารณาคดีของพนักงานอัยการ ต้อว่ากันตามพยานหลักฐาน เพราะมีทั้งพยานชุดเก่าและชุดใหม่ นี่คือที่มาที่ไปที่นายเนตรมีคำสั่งไม่ฟ้อง และส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในเวลาต่อมา” นายประยุทธ กล่าว
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนความเห็นของคณะทำงานฯชุดนี้มีข้อเสนอแนะนำเรียน อสส. ว่า 1.ผลการตรวจเลือดในวันเกิดเหตุของนายวรยุทธ พบสารแปลกปลอมประเภทโคเคน จึงถือว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 58 ประกอบกับมาตรา 91 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี โดยมีอายุความตามกฎหมาย 10 ปี โดยข้อหานี้ยังไม่มีการแจ้งความดำนินคดีกับนายวรยุทธ ดังนั้นคณะทำงานจึงเสนอ อสส. แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายวรยุทธในข้อาหนี้ด้วย โดยคดียังไม่ขาดอายุความ
โฆษกสำนักงาน อสส. กล่าวด้วยว่า อีกประเด็นคือ ในข้อหารขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ และ ผบ.ตร. ไม่แย้งคำสั่งดังกล่าว อันเป็นผลให้คำสั่งไม่ฟ้องเสร็จเด็ดขาดตามกฎหมาย และห้ามมิให้ทำการสอบสวนอีกก็ตาม แต่คดียังไม่ถึงที่สุด โดยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 ระบุว่า หากมีการสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด ไม่ให้สอบสวนคดีนี้อีก เว้นแต่ปรากฏพยานหลักฐานใหม่ และเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่สามารถนำสืบให้ศาลลงโทษผู้นั้นได้ สามารถดำเนินการได้ตามหลักกฎหมาย
นายประยุทธ กล่าวว่า เมื่อเรื่องความเร็วรถยังไม่นิ่ง ปรากฏว่าหลังจากที่ข่าวสะพัดออกไป มีพยานสำคัญคนหนึ่งที่ไปร่วมรายการผ่านสื่อหลายแห่ง คือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อเท็จจริงผ่านสื่อว่า ขณะเกิดเหตุเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการให้กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเกิดเหตุได้รับการประสานจาก พ.ต.ท.ธนสิทธิ ให้ไปร่วมตรวจที่เกิดเหตุ และดูกล้องวงจรปิด วัตถุพยานที่บันทึกภาพรถของนายวรยุทธ พร้อมคำนวณความเร็วรถที่แล่นไป โดย ดร.สธน ได้ทำรายงานส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อประกอบคดี พบว่ารถแล่นไปด้วยความเร็วประมาณ 170 กม./ชม. แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวกลับไม่ปรากฏในสำนวน
“คณะทำงานฯตรวจสอบสำนวนโดยละเอียดแล้ว พบว่า ไม่มีพยานหลักฐานชิ้นนี้ (รายงานของ ดร.สธน) ไม่มีข้อเท็จจริงนี้ ดังนั้นจึงเป็นพยานหลักฐานใหม่ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 นำไปสู่การพิสูจน์ผิดถูกในคดีนี้ จึงนำเรียน อสส. ว่าให้มีการสอบสวนคดีนี้ใหม่ เพื่อดำเนินคดีกับนายวรยุทธในข้อหานี้ต่อไป” นายประยุทธ กล่าว
โฆษกสำนักงาน อสส. กล่าวด้วยว่า โดยสรุปคือ แม้จะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ แต่คดียังไม่จบ เมื่อกฎหมายบอกว่า มีพยานหลักฐานใหม่ ให้ดำเนินการแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไปโดยให้ดำเนินการภายในอายุความ ส่วนกรณีพบสารแปลกปลอมนั้น ยังไม่ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ให้แจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีควบคู่กันไป
ขณะที่นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ กล่าวว่า ในมุมมองของคนทำคดีหรือคนทำงาน จะสั่งคดีตามข้อเท็จจริงในสำนวนเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนมีคุณภาพ หรือน่าเชื่อถือน่ารับฟังเท่าไหร่ นั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ในการหาพยานหลักฐานที่ดีที่สุดต่อไป โดยกรณีนายเนตร สั่งไม่ฟ้องเนื่องจากพิจารณาจากข้อเท็จจริงในสำนวนแล้วพบว่าความเร็วรถไม่เกิน 80 กม./ชม. ซึ่งความเห็นดังกล่าวไม่ใช่มาจากประจักษ์พยาน แต่เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประกอบการพิจารณา จึงเรียนว่า คดีขับรถโดยประมาทนั้น พยานผู้เชี่ยวชาญ พยานจากที่เกิดเหตุ มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากกว่าประจักษ์พยาน เพราะประจักษ์พยานจะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือต่อมาสอดคล้องรับฟังได้ว่าเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์
ส่วนนายอิทธิพร แก้วทิพย์ กล่าวว่า ประเด็นนี้สื่อมวลชน และประชาชนอาจเคลือบแคลงสงสัยว่า น่าจะเกี่ยวกับตัวบุคคล แต่เนื่องจากคณะทำงานฯไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องตัวบุคคล แต่พิจารณาได้เฉพาะสำนวน คณะทำงานฯจึงมีความเห็นเสนอไปยัง อสส. ด้วยว่า ให้ดำเนินการพิจารณาประเด็นนี้ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 ว่าการดำเนินการของตัวบุคคลมีความถูกต้องหรือไม่ น่าจะเป็นอีกประเด็นที่สำนักงาน อสส. ต้องดำเนินการ
“สุดท้ายนี้ถ้าสื่อมวลชนก็ดี ประชาชนก็ดี มีข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์ที่พิสูจน์ได้ว่า ผู้ต้องหาขับรถด้วยความเร็วเท่าไหร่ ขอให้แจ้งมายังสำนักงาน อสส. เพื่อเป็นข้อมูล และพนักงานอัยการจะดำเนินคดีนี้ต่อไป ยืนยันว่าสำนักงาน อสส. และพนักงานอัยการจะทำความจริงให้ปรากฏโดยไม่ละทิ้งคดีนี้ หรือถือว่าคดีนี้จบไปไม่ได้ ขอยืนยันเท่านี้” นายอิทธิพร กล่าว
ส่วนประเด็นเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานอาจมีพิรุธนั้น นายประยุทธ กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นกระบวนการทำงานของอัยการ ที่มีอำนาจสั่งสอบเพิ่ม แต่ไม่สามารถลงไปสอบเองได้ เมื่อมีการร้องมา จึงสั่งให้พนักงานสอบสวนไป ดังนั้นคนที่อยู่หน้างานคือพนักงานสอบสวน แต่อัยการพิจารณาสั่งไปตามข้อเท็จจริงในสำนวน แนวทางเป็นอย่างนี้
ส่วนกรณีการใช้ดุลพินิจของนายเนตร นาคสุข รอง อสส. ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนั้น นายประยุทธ และคณะทำงานฯฝ่ายอัยการ ยืนยันหลายครั้งว่า ไม่สามารถให้ความเห็นในส่วนนี้ได้ เพราะไม่สามารถก้าวล่วงดุลพินิจของพนักงานอัยการได้
อ่านประกอบ :
พบช่องสั่งฟ้องคดี’บอส’ใหม่! คณะทำงานชง อสส.สอบเพิ่ม 2ประเด็น 'ความเร็ว-โคเคน'
ทางการ! 'บิ๊กตู่'สั่งอายัดศพ'จารุชาติ'พยานคดี'บอส'ชันสูตรหาสาเหตุเสียชีวิตใหม่แล้ว
'บวรศักดิ์'จี้ชันสูตรศพพยานคดี’บอส’ให้ชัดเจน ก่อนญาติฌาปนกิจพรุ่งนี้
ตายเพราะอุบัติเหตุกะทันหัน! ‘จารุชาติ มาดทอง’ พยานปากเอก พลิกคดี ’บอส อยู่วิทยา’
ข้อมูลลับที่มา 'จารุชาติ' พยานคดี 'บอส' เคยเข้าให้การตั้งแต่ 3 วันแรกหลังเกิดเหตุแล้ว
ฉบับเต็ม! สำนวนลับอัยการสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ พยาน 2 รายใหม่ อ้างขับรถแค่ 50-60กม.
เปิดตัว 6 พยาน อัยการ-ตร.อ้างเป็นเหตุกลับคำสั่งไม่ฟ้อง 'บอส กระทิงแดง'
ตามหาพยาน 6 ปาก คดี'บอส'! อิศรา ได้คุย'สมยศ' แล้ว ยังไม่ขอตอบปมคำนวณความเร็วเฟอร์รารี่
ปฏิเสธให้สัมภาษณ์! เปิดตัว พ.ต.ท.ธนสิทธิ พยานคำนวณความเร็วเฟอร์รารี่ 177 กม./ชม. คดี 'บอส'
ให้การก่อนไปไต้หวัน! แม่ ‘จารุชาติ’ ยันลูกเป็นพยานคดี‘บอส’ เพื่อนบ้านเผยมีอาชีพขับรถรับจ้าง
ธุรกิจ 'พล.อ.ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร' พยานคดี 'บอส อยู่วิทยา' เคยได้งานรัฐ 188 ล.!
เปิดอาณาจักร 62 บ.‘อยู่วิทยา’ ปี 62 ‘ที.ซี.ฟาร์มาฯ-กระทิงแดง’รายได้ 4 หมื่นล.
คำสั่งชอบหรือไม่-เหตุผลอะไร!คณะทำงานฯอัยการตั้ง 3 ประเด็นสอบปมไม่สั่งฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’
โชว์คำสั่ง อสส.ตั้งคณะทำงานสอบปมสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ - 'ปรเมศว์' ร่วมทีมด้วย
วงศ์สกุล'ตั้งทีม อสส.สอบปมสั่งไม่ฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’-'บิ๊กตู่'ไม่สบายใจ สั่งเกาะติดคดี
มูลนิธิเมาไม่ขับจี้ อสส.-ผบ.ตร.! ชี้แจงหลักการ-เหตุผลไม่สั่งฟ้อง‘วรยุทธ อยู่วิทยา’
โชว์หนังสืออัยการสั่งไม่ฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’ผบ.ตร.ไม่แย้ง-สตช.ยื่นศาลถอนหมายจับ
อสส. แจงอิศรายังไม่ทราบเรื่อง! ซีเอ็นเอ็น ตีข่าว 'อัยการ' ไม่สั่งฟ้อง 'บอส อยู่วิทยา'
ป.ป.ช.ฟันวินัยไม่ร้ายแรงอดีต‘ผบก.น.5-พวก’ปมช่วยเหลือ-ไม่ออกหมายจับ‘บอส กระทิงแดง’
ทายาทกระทิงแดงขอสอบพยานเพิ่มทำคดีขับชน ตร.ตายช้า! อสส.เร่งส่งฟ้องศาล
ไทม์ไลน์ทายาท‘กระทิงแดง’ขอเลื่อนพบอัยการ 7 ครั้งก่อนจ่อถูกหมายจับ?
เจาะอาณาจักรธุรกิจหมื่นล.‘อยู่วิทยา’ -‘วรยุทธ’กก. 3 บริษัทรายได้รวม 914 ล
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage