ต้องดูเจตนาเป็นหลัก! ป.ป.ช.ส่ง จนท.ให้ถ้อยคำดีเอสไอสอบเอกชนคดีรุกป่าอ่าวนางแล้ว

เลขาฯ ป.ป.ช. เผยส่ง จนท. ให้ถอยคำดีเอสไอ สอบเอกชนสนับสนุน จนท.รัฐออกโฉนดรุกป่าอ่าวนางแล้ว ชี้ต้องดูเจตนาเป็นหลัก กรมที่ดิน-กรมป่าไม้ ต้องใช้ดุลพินิจฟ้องเรียกค่าเสียหาย-เพิกถอนโฉนดเอง

PIC naccaownang 6 6 63 7

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามนำเสนอปัญหาการออกโฉนดที่ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง-หางนาค หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐกรมที่ดิน และกรมป่าไม้ รวม 5 ราย โดยเห็นว่าออกโฉนดที่ดินจำนวน 39 แปลง (ออกไปแล้ว 33 แปลง และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 6 แปลง) โดยมิชอบ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อย่างไรก็ดีจนถึงปี 2563 กรมที่ดิน และกรมป่าไม้ ยังไม่เพิกถอนโฉนดดังกล่าวนั้น (อ่านประกอบ : โชว์ภาพโฉนด 33 แปลง ไม่มีใครเพิกถอน-กลุ่มผู้สนับสนุน จนท.ยังไม่ถูกดำเนินคดี ?)

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลเจ้าหน้าที่ของรัฐ 5 รายไปเมื่อเดือน เม.ย. 2560 โดยในส่วนคดีอาญาส่งเรื่องให้อัยการเพื่อฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจ ทราบล่าสุดอัยการได้ฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 แล้ว โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วนความผิดทางวินัยส่งเรื่องให้กรมที่ดิน และกรมป่าไม้ไปแล้ว และมีการลงโทษทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว

ส่วนกรณีกรมที่ดินยังไม่เพิกถอนโฉนด 39 แปลงดังกล่าวนั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเมื่อปี 2550 และมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเมื่อปี 2552 และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดปี 2560 ดังนั้นจึงเป็นอำนาจตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือกฎหมายเดิม เมื่อมีการชี้มูลความผิดไปแล้ว จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีนี้คือกรมที่ดิน และกรมป่าไม้ พิจารณาเพิกถอนโฉนดที่ดินที่เกี่ยวข้องดังกล่าว หลังจากนั้นต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอน ซึ่งเป็นประเด็นทางกฎหมาย

เมื่อถามว่าคดีดังกล่าวจะมีการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาเอกชนสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อน แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.ที่ดินดังกล่าวเป็นของชาวบ้านที่อ้างว่าทำประโยชน์บนที่ดินแปลงนี้มานาน และเป็นผู้นำเจ้าหน้าที่รัฐเดินสำรวจ 2.บุคคลที่สามที่ซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้านที่ออกโฉนดมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต้องพิสูจน์กันว่า บุคคลที่สามนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นกับเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ โดยเรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งความเห็นไปภายหลังชี้มูลความผิดเมื่อปี 2560 ให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนต่อ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อดีเอสไอแล้ว

“เรื่องนี้ต้องแยกแยะ ต้องดูเจตนาของเอกชนด้วยว่า ถ้าเอกชนที่ไปซื้อที่ดินต่อ ไม่รู้ว่าเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบ แต่ไปบอกว่าเขามีส่วนร่วมหรือมีเจตนาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกโฉนดมิชอบ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์เจตนากัน ตอนนี้ทราบว่าดีเอสไอกำลังดำเนินการอยู่ คงต้องติดตามกันต่อไป” นายวรวิทย์ กล่าว

ส่วนการเรียกความเสียหายจากเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้นั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า ใน พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับเดิม คือมาตรา 19 (12) ไม่ได้ให้อำนาจ ป.ป.ช. ในการพิจารณาความเสียหาย ดังนั้นเป็นเรื่องที่กรมที่ดิน และกรมป่าไม้ต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาเอง แต่ใน พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 หรือฉบับใหม่ ในมาตรา 82 วรรคสอง จะมีการระบุไว้ว่า ถ้าเกิดความเสียหายแก่ราชการ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เป็นเรื่องละเมิดโดยจงใจหรือไม่ ทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวก่อนหน้านี้ กรมที่ดินชี้แจงต่อสำนักข่าวอิศราว่า เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ในการดำเนินการตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เมื่อ ป.ป.ช. แจ้งให้กรมป่าไม้พิจารณาดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล ให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินและกรมป่าไม้ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาจัดพนักงานอัยการดำเนินคดีหรือยื่นคำร้องต่อศาล แล้วอธิบดีกรมที่ดินไม่สามารถใช้อำนาจเพิกถอนโฉนดได้

ขณะที่กรมป่าไม้ชี้แจงว่า การดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่เป็นคนละส่วนกับการเพิกถอนโฉนด ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ซึ่งการเพิกถอนโฉนดเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดิน สามารถสั่งเพิกถอนได้ทันที

อ่านประกอบ :

โชว์ภาพโฉนด 33 แปลง ไม่มีใครเพิกถอน-กลุ่มผู้สนับสนุน จนท.ยังไม่ถูกดำเนินคดี ?

โฉนดแปลงที่ 33 ในเขตป่าสงวน ป.ป.ช.ชี้มูล 3 ปี ไม่มีใครเพิกถอน?

แปลงนี้อีก! อยู่ในเขตป่าไม้ ออกโฉนดแล้วขายฝาก ไม่มีใครเพิกถอน

ยังไม่มีใครสั่งเพิกถอน? แปลงนี้ด้วย ออกโฉนดในเขตป่าไม้ถาวร

เปลี่ยนมือ 2 หน - ขายฝาก ! โฉนดแปลงที่ 30 อยู่ในเขตป่าไม้

บิ๊กกรมป่าไม้ กางกม.ม.61 ปมโฉนด 33 แปลง กรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนได้ทันที

อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร - ลาดชันเกิน 35% โฉนดตัวอย่างอีกแปลง ยังไม่ถูกเพิกถอน

เต็มๆ!คำชี้แจงปมโฉนด 33 แปลง ผลสอบปี 54 ถ้ารู้เป็นป่าคงไม่ออก-กรมที่ดินไม่มีอำนาจเพิกถอน

หน้าที่กรมป่าไม้ฟ้องศาล! กรมที่ดินแจงไม่มีอำนาจเพิกถอนโฉนด 33 แปลงอ่าวนาง

ยังไม่ถูกเพิกถอน โฉนดรุกป่า แปลงนี้ลาดชันเกิน 35%

โฉนดรุกป่า แปลงที่ 27 ขายให้เมียช่างรังวัด