"..อยากให้ทางลูกค้าเห็นใจทางบริษัทด้วยเหมือนกัน เพราะบางทีคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ทางร้านก็หาเหรียญสตางค์ทอนให้กับลูกค้าค่อนข้างจะยาก มีหลายกรณีที่ทางร้านไม่มีเหรียญทอนให้กับลูกค้า จนทำให้ต้องขอลูกค้าให้เหรียญสตางค์มา ซึ่งทางลูกค้าก็ไม่พอใจกับทางร้านอีก ทางบริษัทจึงไปปรึกษากับทางสรรพากรด้วยว่าหากจะมีการปรับเศษสตางค์ขึ้นลงนั้นสามารถทำได้หรือไม่ ก็พบว่ามันสามารถทำได้ ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา ทางบริษัทก็เลยใช้หลักนี้มาโดยตลอด ซึ่งถ้าหากทางลูกค้ารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีใดก็ตาม สามารถโทรมาร้องเรียนกับทางบริษัทได้เช่นกัน..."
"ร้านอาหารของที่ร้านนั้นไม่แพงแต่อย่างใด ถ้าหากเทียบกับร้านอาหารอื่นๆที่อยู่ในห้างเช่นกัน ซึ่งการดำเนินธุรกิจของร้านอาหารนั้นจะต้องเสียภาษีให้กับสรรพากร แตกต่างจากทางร้านค้าอาหารข้างทาง ที่อาจจะไม่ต้องเสียภาษีก็เป็นได้"
"ส่วนกรณีที่มีลูกค้าร้องเรียนกับทางสำนักข่าวอิศราเรื่องการปัดเศษสตางค์ VAT 7 % เป็น 1 บาท นั้น ตามหลักสากลแล้วกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าลูกค้ากินไป 98 บาท ลูกค้าไม่ดื่มน้ำหรืออะไรเลย ถ้าคิดว่าเป็น 7% มันก็จะเป็นเงินจำนวน 104 บาท 86 สตางค์ ในกรณีที่เป็น 86 สตางค์นั้น เราไม่สามารถทอนลูกค้าด้วยเหรียญ 24 สตางค์ได้ เพราะมันไม่มีเหรียญ 24 สตางค์อยู่แล้ว ถ้าจะให้ใช้เหรียญสลึงทอนลูกค้าไปมันก็มีประเด็นยิบย่อยตามมาอีกว่าจะให้เงินเกินลูกค้าไปประมาณ 1 สตางค์ตามมา ดังนั้น เราจะยึดหลักการมาตลอดว่าถ้าเกิน 50 สตางค์ เราปัดขึ้นเป็น 1 บาท แต่ถ้าไม่ถึง 50 สตางค์ เราก็ปัดทิ้งให้โดยตลอด ซึ่งมันก็เป็นหลักสากล"
คือ คำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ ฟู๊ด จำกัด เกี่ยวกับปัญหาถูกร้องเรียนเรื่องการปัดเศษสตางค์ค่า VAT 7% ขึ้นไปเป็น 1 บาท ตามที่สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข้อมูลไปก่อนหน้านี้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีบริษัทฯ ยังระบุด้วยว่า "อยากให้ทางลูกค้าเห็นใจทางบริษัทด้วยเหมือนกัน เพราะบางทีคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ทางร้านก็หาเหรียญสตางค์ทอนให้กับลูกค้าค่อนข้างจะยาก มีหลายกรณีที่ทางร้านไม่มีเหรียญทอนให้กับลูกค้า จนทำให้ต้องขอลูกค้าให้เหรียญสตางค์มา ซึ่งทางลูกค้าก็ไม่พอใจกับทางร้านอีก ทางบริษัทจึงไปปรึกษากับทางสรรพากรด้วยว่าหากจะมีการปรับเศษสตางค์ขึ้นลงนั้นสามารถทำได้หรือไม่ ก็พบว่ามันสามารถทำได้ ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา ทางบริษัทก็เลยใช้หลักนี้มาโดยตลอด ซึ่งถ้าหากทางลูกค้ารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีใดก็ตาม สามารถโทรมาร้องเรียนกับทางบริษัทได้เช่นกัน" (อ่านประกอบ : ร้านมัลลิการ์ แจงปัดเศษ VAT เกิน 50 สตางค์ เป็น 1บาท หลักสากลแก้เงินทอน-ปรึกษาสรรพากรแล้ว, ร้อง 'อิศรา' ช่วยสอบร้านอาหารดังคิด VAT 7% ปัดเศษสตางค์ทศนิยมเป็น1บ. หวั่นถูกเอาเปรียบ)
น่าสนใจว่าข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางธุรกิจของบริษัทแห่งนี้ เป็นอย่างไรบ้าง?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ ฟู๊ด จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2544 ทุน 25,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 13/10 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจร้านขายอาหาร
ปรากฎชื่อ นาง มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ นาย ชยพล หลีระพันธ์ นางสาว ชมพลอย หลีระพันธ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เมษายน 2562 นางสาว ชมพลอย หลีระพันธ์ และ นาย ชยพล หลีระพันธ์ ถือหุ้นใหญ่สุดคนละ 45 % มูลค่าหุ้นคนละ 11,250,000 บาท นาง มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ถืออยู่ 10% มูลค่า 2,500,000 บาท
นำส่งข้อมูลงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2560 แจ้งว่ามีรายได้รวม 208,930,855.16 บาท รวมรายจ่าย 255,763,750.93 บาท ขาดทุนสุทธิ 53,152,900.60 บาท
ทั้งนี้ นาง มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ เป็นลูกคนที่ 4 ของนายสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ก่อตั้งตลาดยิ่งเจริญ เป็นน้องสาวของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่เสียชีวิตไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงปี 2542
สำหรับร้านอาหารภายใต้การบริหารงานของ บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ ฟู๊ด จำกัด มี 6 แบรนด์ ได้แก่ ร้าน อ.มัลลิการ์, เย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์, เรือนมัลลิการ์, ปังยิ้ม โดย อ.มัลลิการ์, ปาป้าปอนด์ และ คุ้มกะตังค์
สำหรับร้านอาหารที่เกิดปัญหาร้องเรียนการปัดเศษสตางค์ค่า VAT 7% ขึ้นไปเป็น 1 บาท คือ เย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 35 สาขา ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/