
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบ ‘อนุทิน ชาญวีรกุล’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่-คนที่ 32 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วยเกินครึ่ง หรือ 311 เสียง ชนะ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเห็นด้วย 152 เสียง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร ประชุมเพื่อพิจารณาวาระ เรื่องด่วน เรื่องที่ 8 เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยมีผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ 2. นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (พท.)
โดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยมีผู้รับรองครบ 1 ใน 10 หรือ เกิน 50 คน ทั้งสองราย
ภายหลังนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ประธานในที่ประชุมในขณะนั้น เปิดโอกาสให้ สส. ทั้งสองฝ่ายอภิปรายคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่ายละ 1 ชั่วโมงเสร็จสิ้น
ที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติเป็นการเปิดเผย โดยการขานชื่อเป็นรายบุคคลเรียงตามหมายเลขประจำตัว สส. เพื่อลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินได้รับคะแนนเห็นด้วย จำนวน 311 เสียง ขณะนี้นายชัยเกษม ได้รับคะแนนเห็นด้วย จำนวน 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง

ดังนั้น ถือว่าที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เนื่องจากได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภา หรือ ไม่น้อยกว่า 247 เสียงขึ้นไป จากจำนวน สส. 492 เสียง
@ เปิดประวัติ อนุทิน-ว่าที่ นายกฯคนที่ 32
สำหรับประวัติโดยสังเขปของนายอนุทิน เกิดวันที่ 13 ก.ย. 2509 เป็นบุตรของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Hofstra ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมาศักดิ์ สาขาวิชารัฐประศานศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมาศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมาศักดิ์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ผ่านการอบรมหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 (วปอ.61) / คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Mini MBA) / หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 6 (นธป.6) / หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน รุ่นที่ 9 / หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการบริหารงานพัฒนาเมือง รุ่นที่ 1 (มหานคร 1) / หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการพัฒนาเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 3 (พ.ต.ส.3) / หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 1 (วพน.1) / หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 17 (บ.ย.ส.17) / หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ รุ่นที่ 9 (TepCot 9) / โครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ / หลักสูตรการปฏิรูปธุรกิจและสร้างเครือข่ายนวัตกรรม รุ่นที่ 1 (BRAIN 1) /
ประสบการณ์ทำงาน
-
2532 Production Engineer,Mitsubishi Corp. Long Island Plant,New York,U.S.A
-
2533 เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ทางด้านเทคนิค บรรษัทเงินทุนอุตสาหรรมแห่งประเทศไทย
-
2535 ผู้จัดการทั่วไปบริษัทซิโน-ไทยฯ
-
2537 กรรมการรองผู้จัดการสายงานด้านปฎิบัติการบริษัทซิโน-ไทย
-
2538-2547 กรรมการผู้จัดการบริษัทซิโน-ไทยฯ
-
ก.ค. 2547 – ต.ค. 2547 : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-
ต.ค. 2547 – มี.ค. 2548 : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
-
มี.ค. 2548 – ก.ย. 2549 : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-
10 ก.ค. 2562 – 4 ก.ย. 2566 : รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-
5 ก.ย. 2566 – 19 มิ.ย 2568 : รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
@ อภิปรายเดือด เลื่อน-ไม่เลื่อนเลือกนายกฯก่อน
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ที่ที่ประชุมสภาฯ จะลงมติเลือกนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี การประชุมเริ่มตั้งแต่เวลา 09.05 น. และได้พิจารณาตามระเบียบวาระ เรียงลำดับตามวาระ เริ่มตั้งแต่ วาระเรื่องที่ที่ประชุมเห็นชอบให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน ลำดับที่ 1 ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. .... และ ลำดับที่ 2 ร่าง พ.ร.บ. การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ทั้งนี้ เป็นการพิจารณาร่วมกันทั้งสองฉบับ
รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา 09.40 น. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทยได้เสนอญัตติขอเลื่อนวาระการประชุม เรื่องด่วน เรื่องที่ 8 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่ นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่เห็นด้วยและขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ
นายวันมูหะมัดนอร์ ประธานในที่ประชุมกล่าวว่า เมื่อมี สส.เห็นแตกต่างกัน จึงได้สั่งให้นับองค์ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระ หรือ ให้พิจารณาเรียงไปตามระเบียบวาระ
อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอขอให้สส.มีการอภิปรายถึงเหตุผลการเลื่อนหรือไม่เลื่อนและเพราะอะไร
@ ‘ทวี’ ชี้ ข้อตกลง ‘ประชาชน-ภูมิใจไทย’ ขัดรธน.มาตรา 49
นายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยและเปิดโอกาสให้ สส.ได้อภิปรายถึงเหตุผลของการเห็นด้วยว่าสมควรให้เลื่อน หรือเห็นว่าไม่สมควรให้เลื่อนกัน ฝ่ายละ 5 คน คนละ 5 นาที อาทิ พ.ต.อ.ทวี สองส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ลุกขึ้นอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาลและองค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีข้อตกลง (MOA) ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย กรณีเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นข้อตกลงทางการเมืองที่บ่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยและทำลายรัฐธรรมนูญ
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าว ในข้อ 4 เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องดำเนินการด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อไม่ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และลงชื่อนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
“ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงทางการเมืองที่สะท้อนให้เห็นการบิดเบือนรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีถือเป็นเสาหลัก จริงอยู่นายอนุทินอาจจะมาโดยพรรคการเมืองแต่เมื่อมีข้อตกลงดังกล่าวเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ระบุว่าการกระทำห้ามบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ถึงแม้ว่า ข้อตกลงข้อ 4 จะไม่ถึงโดยตรง แต่ลักษณะเป็นการกร่อนเซาะและทำลายระบอบประชาธิปไตยและตัดกระบวนการการตั้งรัฐบาลโดยเสรี”พ.ต.อ.ทวีกล่าว
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงคุณสมบัติ ถ้ามีการเสนอให้อภิปราย เป็นอาชญากรรม หรือ อาชญากรทางประชาธิปไตยทางการเมืองอย่างไร
“ถ้าเราจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี อยากให้มีการพิจารณาข้อตกลงดังกล่าว เพราะมีการแถลงในสภา ทางพรรคควรยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากเป็นข้อตกลงถึงขนาดยุบพรรคการเมือง และที่สำคัญ หลักประชาธิปไตยยึดเสียงข้างมาก และรัฐธรรมนูญให้สภาฯ ไม่ถูกครอบงำใดๆ อันนี้เป็นการครอบงำและแลกผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะได้เป็นฝ่ายค้านเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เห็นหัวประชาชน จึงเห็นควรไม่เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน และการเลือกนายกรัฐมนตรีควรมีการวินิจฉัยอย่างถ่องแท้ เพราะแค่เริ่มต้นก็ผิดรัฐธรรมนูญ เป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างรุนแรง ซึ่งน่าเสียใจผู้ทำลายเป็นพรรคที่ประกาศตัวเองว่า ยึดมั่นในประชาธิปไตย”พ.ต.อ.ทวีกล่าว
@ ‘โรม’ ถามกลับ ‘เอ็มโอเอ’ ผิดกม.แล้วรับทำไม
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ใช้สิทธิพาดพิงว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเห็นด้วยว่าเกิดจากรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว จึงเป็นที่มาของการต้องการหาทางออกมุ่งหน้าสู่การยุบสภา และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายขอใช้สิทธิชี้แจงเนื่องจากได้รับความเสียหายว่า พรรคประชาชนยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หลังจากเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาชนก็ต้องทำงานคู่ขนานกันไป
นายรังสิมันต์กล่าว ยืนยันว่ากระบวนการขั้นตอนไม่ได้มีกฎหมายกำหนดว่าห้ามฝ่ายค้านไปเลือกพรรคไหนไปเป็นรัฐบาล ยืนยันว่าการกระทำของพรรคประชาชนไม่ได้เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ ละเมิดต่อระบอบประชาธิปไตย
“พวกผมทำเอ็มโอเอขึ้น เมื่อวาน (4 ก.ย.68) ก็มีการลดแลกแจกแถม โดยบางพรรคการเมืองบอกว่ารับทุกข้อของพรรคประชาชน รับทั้งหมด ถ้าท่านบอกว่า ข้อเสนอของพรรคประชาชนผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ แล้วพวกท่านรับทำไม เพราะวันนี้ท่านไม่ได้รับเลือก พรรคท่านไม่ได้เข้ารอบ”นายรังสิมันต์กล่าว
@ ‘โสภณ’ ชี้ ปท.วิกฤต จำเป็นต้องเลือกนายกฯ
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายเห็นด้วยให้มีการเลื่อนวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อนว่า เหตุผลประการแรก ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับโดยชอบ ประการที่สอง ในสถานการณ์จำเป็นและเร่งด่วนของประเทศ ไม่ปกติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สภาฯ จึงจำเป็นต้องเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะวิกฤตประเทศศขณะนี้
“วันนี้พรรคภูมิใจไทยจึงเป็นแกนที่จะสรรหาพรรคต่าง ๆ มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะใช้คำว่ารัฐบาลเฉพาะกิจผ่าทางตันก็ได้ และได้ทำข้อตกลงกับพรรคประชาชน ซึ่งไม่ผิด การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในอดีตก็เคยมี จึงไม่เห็นด้วยกับผู้อภิปรายที่บอกว่า เป็นการเซาะกร่อนระบอบประชาธิปไตย พรรคภูมิใจไทยยืนหยัดและยึดหมั่นในข้อตกลงที่มีต่อพรรคร่วมที่จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี และข้อตกลงนั้นเป็นการคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนที่เร็วที่สุด”นายโสภณกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลัง สส.ใช้เวลาอภิปรายกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง อภิปรายกันอย่างกว้างขวางถึงเหตุผลของการเห็นควรและไม่เห็นควรเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุมเพื่อเลื่อนญัตติการเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อนเสร็จสิ้น และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 313 ไม่เห็นด้วย 142 งดออกเสียง 4 และ ไม่ลงคะแนน 5
@ ซักฟอก คุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ
ต่อมาประธานในที่ประชุมเปิดโอกาสให้ สส.แต่ละฝั่งที่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายคุณสมบัติ ฝ่ายละ 1 ชั่วโมง รวม 2 ชั่วโมง อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายคุณสมบัติของนายอนุทิน และนายชัยเกษม ว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ถือว่าเป็นงานสำคัญของชาติโดยส่วนรวมนายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายการเมืองมีรัฐธรรมนูญกำกับ โดยเป็นการแยกเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวม ซึ่งต้องไม่เข้าไปแทรกแซงไม่ว่าทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น เรียกว่าระบบคุณธรรม หรือ หลักนิติธรรม คนฉลาดต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต แต่คนที่จะฉลาดกว่าต้องเรียนรุ้ความผิดพลาดจากคนอื่น
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า นายชัยเกษม เป็นอดีตอัยการสูงสุด อดีตรัฐมนตรียุติธรรม เป็นนักนิติศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องเป็นศาสตรจารย์พิเศษจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ยอมรับของผู้ธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม แต่สำหรับนายอนุทิน ไม่มีมาตรฐานและความซื่อสัตย์สุรจริตเป็นที่ประจักษ์
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ประการแรก วันนี้การทำลายระบบรัฐสภาที่ดีที่สุด คือ ทำลายระบบกฎหมาย ซึ่งนายอนุทินเป็น 1 ใน 229 คน ที่ถูกอนุกกต.ได้มีความเห็นว่าได้กระทำผิดในข้อหาสมยอม หรือ ช่วยเหลือให้ลงคะแนนเลือก สว. นอกจากนี้นายอนุทินยังมีเรื่องอยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในคดีพิเศษว่า เข้าข่ายใน 229 คน ข้อหาอั้งยี่และฟอกเงิน
“ใครก็ตามถ้าได้รับเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าได้เข้าไปแทรกแซงการกระทำขององค์กร เนื่องจากเป็นความผิดอาญา แต่ในทางจริยธรรม การทำลายระบบเลือกตั้ง ซึ่งโยงมากระทั่งบุคคลที่เข้าไปอยู่วุฒิสภา ถึง 138 คน เป็นบาดแผลใหญ่ของระบบนิติบัญญัติและบ้านเมือง”พ.ต.อ.ทวีกล่าว
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ประการที่สอง วันนี้เราต้องการรักษาเอกราช แผ่นดินแม้ตารางนิ้วเดียวเราก็ไม่สามารถยกให้คนอื่น แต่นายอนุทิน ยืนยันว่า ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน โดยเฉพาะกรณีที่ดินเขากระโดง ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องประโยชน์ส่วนรวม แต่นายอนุทิน มีหลักฐานเป็นหนังสือมอบอำนาจ นายอนุทินอยู่บ้านเดียวกับนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งตั้งอยู่บ้านเลขที่ 30/2 หมู่ 4 ตำบลอีสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และนายอนุทิน เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและได้ก่อสร้างสาขาพรรคในที่ดินโฉนดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอาจจะเป็นภัยร้ายแรงต่อบ้านเมือง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ประการต่อมา ในระหว่างที่นายอนุทินเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในที่ดินแห่งนี้ได้ถูกศาลวินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุดทั้งศาลยุติธรรมและศาลปกครองว่าที่ดิน 5,000 กว่าไร่เป็นของการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (รฟท.) และได้ตั้งคณะกรรมการทำแผนที่ ที่เจ็บปวดและเลวร้ายที่สุด คือ คณะกรรมการดังกล่าวให้ไปทำการรังวัดและทำแผนที่เสร็จแล้ว แต่ไปสั่งให้หยุด ถ้าไม่สั่งให้หยุดวันนี้ที่ดินเขากระโดงได้ยึดไปแล้ว ดังนั้น ถ้านายอนุทินได้เลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นความโชคร้ายของประเทศ
“ในการจัดการเลือก สว. ที่เลวรายที่สุด คือ เอางบประมาณ 1,500 ล้านบาท ไปให้กระทรวงมหาดไทยร่วมจัด จึงเป็นเหตุให้การฮั้วเลือกสว.สำเร็จได้ จึงไม่เห็นด้วยกับการเสนอนายอนุทิน เป็นนายกฯ และส่งเสริมนายชัยเกษมเป็นนายกฯ”พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ด้านนายพลพีร์ สุวรรณฉวี สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า เรื่องที่ดินเขากระโดงยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม หรือ ศาลปกครอง ยังไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ :
- ‘อนุทิน’ นำแถลง สส. 146 เสียงรับเงื่อนไขร่วม ‘ประชาชน’ ตั้งรัฐบาล-ไม่หวั่นเกมยุบสภา
- พรรคประชาชน แถลง มติ กก.บห. สนับสนุน ‘อนุทิน’ เป็น ‘นายกฯ’

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา