ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สุนทร สุนทรเลิศธนากุล' อดีตนายก อบต.เขวาไร่ มหาสารคาม เรียกรับทรัพย์สินผู้สมัครเข้ารับคัดเลือกครูผู้ดูแลเด็ก ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ลงโทษจำคุก 3 กระทง รวม 15 ปี ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสุนทร สุนทรเลิศธนากุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขวาไร่ อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม กับพวก เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินจากผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็ก ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 , 157 พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ประกอบ มาตรา 90, 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่พิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามกฏหมาย ลงโทษตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุด จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 15 ปี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 เห็นชอบตามความเห็นที่อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่ฏีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต