เปิดฉบับเต็ม ! คำพิพากษาศาลฎีกา คดี ‘สุวรรณา กุมภิโร’ สส.บึงกาฬ พรรคภูมิใจไทย พยานหลักฐานชี้ชัดรู้เห็นได้ประโยชน์จัดรถแห่ช่วยงานบุญ มหรสพ รื่นเริงหาเสียง จูงใจคนลงคะแนน ฝ่าฝืนกฎหมาย ถือทุจริต เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี จ่ายค่าจัดเลือกตั้งใหม่ 9.8 ล. รถติดสติกเกอร์ ‘เสี่ยหม่ำ’ ของ บ.เมีย จอดปั๊มบ้านตัวเอง คนจัดการเครือข่ายเดียวกัน
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุวรรณา กุมภิโร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคภูมิใจไทย เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ให้จัดเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ และให้ชำระค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง เป็นเงิน 9,852,954.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงิน จนกว่าจะชำระเสร็จ อันเนื่องมาจาก รู้เห็นเป็นใจจัดให้มีรถแห่คันไปช่วยงานบุญตบประทายหรืองานบุญก่อเจดีย์ทรายที่วัดจอมมณีธร บ้านหนองทุ่ม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เป็นการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตามที่สำนักข่าวอิศรารายงานแล้ว (ข่าวเกี่ยวข้อง: ศาลฎีกาสั่งเลือกตั้งใหม่ สส.บึงกาฬ เขต 2 ตัดสิทธิ 'สุวรรณา' 10 ปี-ชดใช้ 9.8 ล.)
ที่มาที่ไป ข้อเท็จจริงของคดีนี้เป็นอย่างไร?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา นำคำพิพากษาฉบับเต็มมารายงาน
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คดีหมายเลขดำที่ ลต สส 6/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สส 1/2568ศาลฎีกา วันที่ 18 เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายสุวรรณา กุมภิโร ผู้คัดค้าน
เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้ง ให้มีการเลือกตั้งใหม่ และค่าใช้จ่าย สำหรับการเลือกตั้ง)
@คำร้อง กกต.
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 21 มีนาคม 2566 เรื่อง กำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร แบบบัญชีรายชื่อ กำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ต่อมาผู้ร้องได้มีประกาศ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 21 มีนาคม 2566 เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ของแต่ละจังหวัด ซึ่งในเขตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 มีท้องที่ที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งประกอบด้วย อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง และอำเภอบุ่งคล้า ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 หมายเลข 10 พรรคภูมิใจไทย
@เหตุเกิด 16 เม.ย.2566 จัดรถแห่ ติดสติกเกอร์ “เสี่ยหม่ำ”
ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ผู้ร้องได้รับคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) ต่อมาผู้ร้องมีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2
ผู้ร้องไต่สวนแล้วได้ความว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา นายทองคำคุณาคม จัดหารถแห่เป็นรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 88-4704 นครปฐม ติดสติกเกอร์ว่า “เสี่ยหม่ำ” ซึ่งหมายถึงผู้คัดค้าน และติดตั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรีและเวทีเคลื่อนที่ไปช่วยงานบุญตบประทายหรืองานบุญก่อเจดีย์ทรายที่วัดจอมมณีธร บ้านหนองทุ่ม หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 12 ตำบลหนองทุ่ม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ รถแห่คันดังกล่าวเปิดเพลงที่มีเสียงดนตรีจังหวะสนุกสนาน และเปิดเพลงสปอตโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้านที่มีเนื้อเพลงประกอบดนตรีว่า “นายกหม่ำ เบอร์ 10 เบอร์ 10” โดยก่อนวันแห่นายทองคำได้ส่งข้อความในกลุ่มไลน์ของหมู่บ้านหนึ่งในเขตเลือกตั้ง ว่า
“แจ้งประชาสัมพันธ์ พรุ่งนี้ ผมประสานพระครูสุธรรมสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจอมมณีธรแล้ว ทำการก่อเจดีย์ทรายช่วงบ่าย ส่วนช่วงสามโมงเช้าเป็นต้นไป ผมได้ประสานรถแห่ของว่าที่ สส. นายกหม่ำ เบอร์ 10 ให้มาช่วยแห่ต้นวันสุดท้าย ก่อเจดีย์ทราย โดยจะประสานทางผู้ใหญ่ประชาสัมพันธ์ ทางหอกระจายข่าวพรุ่งนี้เข้าให้ชาวบ้านเราร่วมทำเป็นต้นกัณฑ์ร่วมขบวนแห่หลังคาละหนึ่งต้นก็ได้ หรือบริจาคตามกำลังศรัทธาร่วมขบวนแห่ก็ได้ ขบวนแห่เราเริ่มเวลาสามโมงเช้า รถแห่เริ่มไปตาม เส้นทางแห่พระเหวดในทั้งสองหมู่บ้านจึงประชาสัมพันธ์ให้รับทราบ”
และในวันแห่นายทองคำ ยังได้กล่าวข้อความขณะที่อยู่บริเวณขบวนรถแห่ว่า “โอเคสุดยอดเลย วันนี้ทีมงานของนายกหม่ำ สจ. ทองคำ เขต 2 เป็นผู้ประสานงาน เพื่อได้มาสนุกสนานวันสงกรานต์กันวันสุดท้าย มื้อนี้ตอนแลงกะสิมีการถวายประทาย ช่วงเข้ากะจะมีการแห่ต้นกัณฑ์โอเคเนาะ”
@ พบบริษัทเมียเป็นเจ้าของรถแห่ จอดไว้บ้านพัก
อันเป็นการกล่าวที่มีลักษณะให้ผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในขบวนแห่หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่รับชมคลิปวิดีโอเข้าใจว่า ผู้คัดค้าน และนายทองคำได้นำรถแห่มาช่วยงานบุญตบประทายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้าน ทั้งนี้ รถแห่คันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ ของบริษัทดินทอง เรียล เอสเตท จำกัด มีนางอรอุมา บุญศิริ อดีตภริยาและเป็นผู้ช่วยหาเสียง ของผู้คัดค้าน เป็นกรรมการผู้จัดการ และจอดเก็บรักษาไว้ที่สถานีบริการน้ำมันเก่าซึ่งตั้งอยู่บริเวณ บ้านเลขที่ 178 หมู่ที่ 18 ตำบลป่งไฮ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ อันเป็นบ้านพักของนางอรอุมา และผู้คัดค้าน
@พฤติการณ์รู้เห็นเป็นใจให้มีรถแห่ไปช่วยงานบุญ จูงใจลงคะแนน ฝ่าฝืนกม.เลือกตั้ง
ตามพฤติการณ์จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2566 ผู้คัดค้าน นายทองคำและนางอรอุมาได้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการนำรถแห่คันดังกล่าว ไปช่วยงานบุญตบประทายที่วัดจอมมณีธร อันเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชนและวัด และการเปิดเพลงที่มีดนตรีจังหวะสนุกสนาน รวมทั้งการเปิดเพลง สปอตโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้าน โดยมีชาวบ้านประมาณ 100 คน เข้ามาร่วมงาน และเต้นรำนั้น เป็นการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดบึงกาฬ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้คัดค้าน มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
@ กกต.คิดคำนวณค่าใช้จ่ายจัดเลือกตั้งใหม่ 9.8 ล้าน-ขอให้เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี - จัดเลือกตั้งใหม่
ผู้ร้องตรวจสอบ และรวบรวมเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ครั้งที่เป็นเหตุให้ผู้ร้องขอให้ศาลฎีกามีคำสั่ง ให้เลือกตั้งใหม่แล้ว ปรากฏว่ามีค่าใช้จ่ายดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งในส่วนของสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบึงกาฬ เป็นเงิน 8,076,280.08 บาท
2. ค่าใช้จ่ายสำหรับ การเลือกตั้งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) เป็นเงิน 425,826.80 บาท
3. ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งของหน่วยงานที่จะสนับสนุนภารกิจในการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร เป็นเงิน 1,350,847.25 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,852,954.13 บาท
ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านเป็นเวลา 10 ปี สั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ และสั่งให้ผู้คัดค้าน รับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นเงิน 9,852,954.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 138 และมาตรา 139
@ ยื่นคัดค้าน ปัดร่วมจัดรถแห่-หย่าเมียตั้งแต่ปี 2556 –แค่รับฝากรถแห่จอดปั๊ม เหตุเข้าซอยไม่ได้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านไม่ได้ร่วมกับนายทองคำ คุณาคม และนางอรอุมา บุญศิริ ในการใช้ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการนำรถแห่ไปช่วยงานบุญตบประทาย วัดจอมมณีธร และไม่เคยได้รับการติดต่อหรือประสานงานจากนายทองคำเพื่อขอให้นำรถแห่ไปช่วยงาน วันเกิดเหตุผู้คัดค้านได้รับเชิญไปร่วมงานพิธีตัดลูกนิมิตที่วัดศิริมงคล ไม่ได้เดินทางไปร่วมงานที่วัดจอมมณีธร ผู้คัดค้านและนางอรอุมาหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 โดยยังคงติดต่อกันเฉพาะเรื่องบุตรเท่านั้น นางอรอุมามีภูมิลำเนาและพักอาศัย อยู่ที่กรุงเทพมหานคร นางสุพรรณ ธนูพล เช่ารถบรรทุกจากนางอรอุมาเพื่อนำไปใช้ในกิจการรถแห่ และเป็นผู้บริหารจัดการรถแห่คันดังกล่าว เหตุที่รถแห่คันดังกล่าวจอดอยู่ที่สถานีบริการน้ำมันเก่า ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกันกับบ้านพักของผู้คัดค้านและนางอรอุมาเนื่องจากบ้านของนางสุพรรณ อยู่ในซอยที่มีความกว้างประมาณ 4 เมตร มีสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ สายสัญญาณ สูงประมาณ 3 เมตรติดตั้งอยู่ริมถนน รถแห่ไม่สามารถเข้าซอยดังกล่าวได้ นางสุพรรณจึงขอนำรถแห่มาจอดไว้ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมันดังกล่าว โดยนางสุพรรณให้นายคำมี แก้วโท พนักงานขับรถ มานอนเฝ้าทุกคืน นางอรอุมาและผู้คัดค้านไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานจัดการรถแห่ นายทองคำไม่ใช่ผู้ช่วยหาเสียงและไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับผู้คัดค้านเป็นการส่วนตัว การกระทำของนายทองคำ และนางอรอุมาไม่ได้ส่งผลให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
@อ้างข้อความในไลน์คลาดเคลื่อน-มอบหมายให้ว่าจ้าง 10,000 บาท ไม่ใช่ไปประสานขอให้ช่วย
ส่วนการที่นายทองคำส่งข้อความไปในกลุ่มไลน์ของหมู่ที่ 1 ในเขตเลือกตั้งตามคำร้องนั้น กลุ่มไลน์ดังกล่าวเป็นของผู้นำชุมชนที่จัดงานบุญแห่พระในวันที่ 16 เมษายน 2566 โดยตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะและมีสมาชิกอยู่ประมาณ 5 คน ข้อความของนายทองคำดังกล่าวคลาดเคลื่อนและไม่ตรงกับความเป็นจริง ความจริงแล้วที่ประชุมมอบหมายให้ นายทองคำไปประสานงานติดต่อรถแห่ โดยมีค่าจ้างไม่เกิน 10,000 บาท หากน้อยกว่า 10,000 บาท ก็จะเป็นการดี ไม่ใช่เป็นการให้ไปประสานงานในลักษณะขอรถแห่มาช่วยงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ที่นายทองคำกล่าวข้อความตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอคลิปที่ 3 ตามคำร้องนั้น ผู้คัดค้านสอบถาม นางคอย คุณาคม ภริยานายทองคำ ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดภาพและเสียงดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กของ นางคอยแล้วได้รับแจ้งว่า ขณะถ่ายทอดสดไม่มีผู้รับชมการถ่ายทอดสดดังกล่าว อีกทั้งข้อความที่นายทองคำกล่าวนั้นไม่มีข้อความใดที่ยืนยันข้อเท็จจริงว่า การนำรถแห่มาช่วยงานไม่มีค่าใช้จ่าย
@วัดจ้างรถแห่เปิดเพลงหาเสียงเอง
สำหรับคลิปวิดีโอที่ปรากฏรถแห่เปิดเพลงหาเสียงของผู้คัดค้านนั้น ผู้คัดค้านได้มอบเพลงหาเสียง ของผู้คัดค้านให้นำไปติดตั้งบนรถประชาสัมพันธ์ของผู้คัดค้าน รวม 22 คัน ผู้คัดค้านจึงไม่อาจควบคุมได้ว่าเพลงหาเสียงของผู้คัดค้านจะแพร่กระจายไปในลักษณะใด แต่ผู้คัดค้านไม่เคยมอบเพลงหาเสียงแก่นางสุพรรณหรือนายธนากร ธนูพล ผู้ควบคุมการเปิดเพลงบนรถแห่ การเปิดเพลงหาเสียงของรถแห่ไม่ใช่เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านจัดให้มีมหรสพและการรื่นเริง แต่เป็นเรื่อง ที่วัดจอมมณีธรจ้างรถแห่มาเปิดเพลงในงานบุญโดยเสียค่าตอบแทนเป็นเงิน 6,000 บาท
@อ้างในพื้นที่ปัญหาได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แสดงว่าข้อความในไลน์ไม่มีผลต่อคะแนนเสียง
ผู้คัดค้านได้รับคะแนนสูงกว่านายไตรรงค์ ติธรรม เป็นจำนวน 7,828 คะแนน มีส่วนต่างคะแนน คิดเป็นร้อยละ 10.24 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้งที่ 1 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองทุ่ม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ผู้คัดค้านได้รับคะแนนสูงกว่านายไตรรงค์เพียง 5 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 1.37 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง และหน่วยเลือกตั้งที่ 12 หมู่ที่ 12 ตำบลหนองทุ่ม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ผู้คัดค้านได้รับคะแนนสูงกว่านายไตรรงค์เพียง 31 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 8.6 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ในหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 12 ผู้คัดค้านชนะการเลือกตั้งโดยมีผลต่างคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการเลือกตั้งในท้องที่อื่นซึ่งไม่มีการร้องเรียนว่ามีการนำรถแห่ไปจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียง ให้แก่ผู้คัดค้าน แสดงให้เห็นว่าการกระทำของนายทองคำที่ส่งข้อความเข้าในกลุ่มไลน์ และ การกล่าวข้อความตามคลิปวิดีโอตามคำร้องไม่ได้ส่งผลต่อคะแนนนิยมของผู้คัดค้าน เมื่อผู้คัดค้านไม่ได้กระทำความผิดตามคำร้อง ผู้คัดค้านจึงไม่ต้องรับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566
@เปิดข้อเท็จจริงจากศาล
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริง เบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 และมีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 21 มีนาคม 2566 เรื่อง กำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ กำหนดวันเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ผู้คัดค้านซึ่งมีชื่อเล่นว่า “หม่ำ” เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 หมายเลข 10 พรรคภูมิใจไทย ก่อนวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2566 นายทองคำ คุณาคม หรือ สจ. ตุ่ย ได้จัดหารถแห่ เป็นรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 88-4704 นครปฐม ติดสติกเกอร์คำว่า “เสี่ยหม่ำ” ของบริษัทดินทอง เรียล เอสเตท จำกัด ซึ่งมีนางอรอุมา บุญศิริ อดีตภริยาและเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้คัดค้านเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ไปช่วยงานแห่พระแห่ต้นที่วัดจอมมณีธร โดยรถแห่คันดังกล่าวติดตั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรีและเวทีเคลื่อนที่ได้แล่นไปตามถนนในท้องที่ หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 12 ตำบลหนองทุ่ม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ มีการเปิดเพลงที่มีดนตรีจังหวะ สนุกสนาน และเปิดเพลงสปอตโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้านซึ่งมีเนื้อเพลงประกอบดนตรีว่า “นายกหม่ำา เบอร์ 10 เบอร์ 10” ตามคลิปวิดีโอ พยานวัตถุหมาย วร.2 และ วร.3
@ส่งไลน์แพร่ข้อความ “ประสานรถแห่ของว่าที่ สส. นายกหม่ำเบอร์ 10 ให้มาช่วยงานสงกรานต์”
โดยก่อนวันแห่ นายทองคำได้ส่งข้อความในกลุ่มไลน์ของหมู่บ้านหนึ่งในเขตเลือกตั้งว่า “แจ้งประชาสัมพันธ์ พรุ่งนี้ผมประสานพระครูสุธรรมสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจอมมณีธรแล้ว ทำการก่อเจดีย์ทรายช่วงบ่าย ส่วนช่วงสามโมงเข้าเป็นต้นไป ผมได้ประสานรถแห่ของว่าที่ สส. นายกหม่ำเบอร์ 10 ให้มาช่วย แห่ต้นวันสุดท้าย ก่อเจดีย์ทราย โดยจะประสานทางผู้ใหญ่ประชาสัมพันธ์ทางหอกระจายข่าว พรุ่งนี้เช้าให้ชาวบ้านเราร่วมทำเป็นต้นกัณฑ์ร่วมขบวนแห่หลังคาละหนึ่งต้นก็ได้หรือบริจาค ตามกำลังศรัทธาร่วมขบวนแห่ก็ได้ ขบวนแห่เราเริ่มเวลาสามโมงเช้า รถแห่เริ่มไปตามเส้นทาง แห่พระเหวดในทั้งสองหมู่บ้านจึงประชาสัมพันธ์ให้รับทราบ” ตามเอกสารหมาย รค.1 แผ่นที่ 30
และในขณะที่นายทองคำอยู่บริเวณขบวนรถแห่ได้กล่าวข้อความว่า “โอเคสุดยอดเลย วันนี้ทีมงานของนายกหม่ำ สจ. ทองคำ เขต 2 เป็นผู้ประสานงาน เพื่อได้มาสนุกสนานวันสงกรานต์กันวันสุดท้าย มื้อนี้ตอนแลงกะสิมีการถวายประทาย ช่วงเช้ากะจะมีการแห่ต้นกัณฑ์โอเคเนาะ" ตามคลิปวิดีโอนาทีที่ 3.17 ถึง 3.48 พยานวัตถุหมาย วร.2 และ วร.3
@ตั้งประเด็นวินิจฉัย รู้เห็นเป็นใจนำรถแห่ไปช่วยงาน หรือไม่ – จุดผิดปกติ ติดต่อหารถล่วงงานวันเดียว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ที่นายทองคำจัดหารถแห่คันหมายเลขทะเบียน 88-4704 นครปฐม ไปร่วมแห่ช่วยงานบุญตบประทายที่วัดจอมมณีธรเป็นการเช่ารถมาจากนางสุพรรณ ธนูพล หรือผู้คัดค้านใช้ ก่อ หรือสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจในการนำรถแห่ไปช่วยงาน ดังกล่าวหรือไม่
ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายทองคำว่าในการจัดงานแห่ พระแห่ต้น ที่ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 12 มอบหมายให้นายทองคำ เป็นผู้จัดหารถแห่ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2566 แต่นายทองคำเพิ่งติดต่อไปยังนางสุพรรณ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 เวลาบ่าย การที่นายทองคำไม่ได้ติดต่อหารถแห่ตามที่ได้รับมอบหมาย เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้ทราบว่าสามารถจัดหารถแห่ได้ตามที่คณะกรรมการหมู่บ้านมอบหมายหรือไม่ แต่เพิ่งมาติดต่อก่อนวันจัดงานบุญตบประทายหรืองานบุญก่อเจดีย์ทรายเพียงวันเดียว ถือเป็นเรื่อง ผิดปกติวิสัยของการติดต่อประสานงานโดยทั่วไป อีกทั้งข้อเท็จจริงจากทางไต่สวนยังได้ความอีกว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 19.45 นาฬิกา นายทองคำได้ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของหมู่บ้าน ใจความว่า แจ้งประชาสัมพันธ์ พรุ่งนี้ผมประสานพระครูสุธรรมสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจอมมณีธรแล้วกำหนดก่อเจดีย์ทรายช่วงบ่าย ส่วนช่วงเช้า สามโมงเช้าเป็นต้นไป ผมได้ประสานรถแห่ของว่าที่ สส. นายกหม่ำเบอร์ 10 ให้มาช่วยแห่ต้นวันสุดท้ายก่อเจดีย์ทราย โดยจะประสานทางผู้ใหญ่บ้านประชาสัมพันธ์ทางหอกระจายข่าว พรุ่งนี้ให้ชาวบ้านร่วมกัน ทำต้นกัณฑ์เพื่อร่วมขบวนแห่ และในเวลาประมาณ 21 นาฬิกาของวันเดียวกัน นายทองคำได้ โทรศัพท์ไปหานายคณิต คุณาคม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ที่ 12 โดยแจ้งว่า “พรุ่งนี้จะมีรถแห่มาช่วย” และต่อมาในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 16 เมษายน 2566 นายทองคำโทรศัพท์ไปหานายคณิตอีกครั้งแจ้งว่า “ในวันนี้ได้ประสานงานกับนายกหม่ำให้นำรถแห่ มาร่วมงาน”
@ ไร้ข้อเท็จจริงกรณีขอเช่ารถ
จากถ้อยคำของนายทองคำที่ใช้คำว่า แจ้งประชาสัมพันธ์พรุ่งนี้ผมได้ประสานพระครูสุธรรมสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจอมมณีธรแล้ว และคำว่าผมได้ประสานรถแห่ของว่าที่ สส. นายกหม่ำ เบอร์ 10 ให้มาช่วยแห่ต้นวันสุดท้าย รวมทั้งที่พูดคุยกับนายคณิตทางโทรศัพท์ดังกล่าว ไม่มีข้อเท็จจริงใดชี้ให้เห็นว่านายทองคำขอเช่ารถ มาจากนางสุพรรณเลย คงกล่าวอ้างว่านายทองคำได้ประสานรถแห่ของผู้คัดค้านมาช่วยงาน วันสุดท้ายเท่านั้น
@พยานผู้ร้องยืนยันรถแห่จอดในบ้านพัก สส.นานหลายปี - คนรู้กันของ ‘เสี่ยหม่ำ’
ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของพยานผู้ร้องปากนายประดิษฐ์ เหลาคำ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลป่งไฮในสมัยที่ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลป่งไฮอีกว่า รถแห่คันเกิดเหตุจอดอยู่ที่สถานีบริการน้ำมันเก่า ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านพักของผู้คัดค้าน ตั้งแต่สมัยที่ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลป่งไฮ พยานเคยเห็น คนมายืมรถแห่ไปช่วยงานต่าง ๆ ผู้คัดค้านเป็นผู้อนุญาตด้วยตนเอง แต่บางครั้งก็มอบหมายให้ นางสุพรรณเป็นคนจัดการแทน ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานผู้ร้องปากนายประกฤติ ฤทธ์รุ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ตำบลป่งไฮ มีบ้านพักตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านพักของผู้คัดค้านว่า รถแห่จอดอยู่ภายในบริเวณบ้านพักของผู้คัดค้านมานานหลายปีแล้ว เดิมรถแห่คันดังกล่าว เป็นรถบรรทุกใช้รับจ้างขนดิน ต่อมาดัดแปลงเป็นรถแห่ติดตั้งเครื่องขยายเสียง คำว่า “เสี่ยหม่ำ” ที่ติดอยู่บริเวณหน้ารถแห่นั้นได้ติดไว้ตั้งแต่ใช้เป็นรถบรรทุกดิน ถ้อยคำดังกล่าวเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปในหมู่บ้านและในละแวกตำบลป่งไฮว่าหมายถึงผู้คัดค้าน การที่พยานทั้งสองปากเบิกความ ถึงเหตุการณ์ที่ตนประสบพบมาด้วยตนเองได้สอดคล้องต้องกันเช่นนี้ ทำให้เชื่อว่าพยานทั้งสองปาก เบิกความไปตามความจริง
@ ภาพถ่ายจาก เฟชบุ๊ก ผู้เกี่ยวข้อง เครือข่ายเดียวกันหมด
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความจากเอกสารหมาย รค.1 แผ่นที่ 424 ซึ่งเป็นภาพถ่ายของรถแห่ซึ่งดัดแปลงเรียบร้อยแล้ว โดยปรากฏว่ายังมีข้อความคำว่า “บริษัทดินทอง เรียล เอสเตท” และข้อความว่า “เสี่ยหม่ำ” ติดไว้ที่กระจกหน้ารถ ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความ เดียวกันกับที่ปรากฏอยู่ก่อนที่จะมีการดัดแปลงเป็นรถแห่ ในภาพถ่ายแผ่นที่ 429 ซึ่งเป็นภาพถ่ายจาก เฟชบุ๊กชื่อบัญชี “รถแห่พัชรดาสรณ์ ชาว ป่งไฮ” ก็ปรากฏว่าผู้คัดค้านยืนอยู่ใกล้ ๆ กับรถแห่พร้อมกับ มีข้อความว่า “ยกเครื่องใหม่ไปเลยคุณว่าไง รถแห่พัชรดาสรณ์ ซาวด์ ป่งไฮ จัดให้เจ้าภาพทุกท่านจร้า” ในการเสนอตัวเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคภูมิใจไทย ผู้คัดค้านก็ยอมรับว่าได้ใช้รถแห่คันดังกล่าวในการออกรณรงค์เพื่อขอให้ประชาชนในเขตเลือกตั้ง ให้การสนับสนุนตนดังปรากฏตามภาพถ่ายในเอกสารหมาย รค.1 แผ่นที่ 34 และ 35 ทั้งปรากฏจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า นายทองคำและผู้คัดค้านต่างก็เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย นายทองคำเคยดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ตำบลหนองทุ่ม มาก่อน ต่อมาเมื่อปี 2563 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอเซกา ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 นายทองคำก็ยังคงดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอเซกา และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้อำเภอเซกา เป็นอำเภอหนึ่งในเขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งผู้คัดค้านก็ได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตดังกล่าวในนามพรรคภูมิใจไทย นายทองคำ และผู้คัดค้านในฐานะนักการเมืองที่สังกัดพรรคการเมืองเดียวกันและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่ในพื้นที่เดียวกันย่อมต้องมีการติดต่อประสานงานและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน ดังจะเห็นได้จากภาพถ่ายในเอกสารหมาย รค.1 แผ่นที่ 288 ภาพที่ 3 ที่ปรากฏภาพนายทองคำ ถ่ายภาพร่วมกับผู้คัดค้าน ตามภาพถ่ายดังกล่าวนายทองคำเบิกความตอบทนายผู้คัดค้านรับว่า ถ่ายภาพร่วมกับผู้คัดค้านในฐานะที่นายทองคำเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ
นอกจากนี้ยังปรากฏตามภาพถ่ายหมาย รค.1 แผ่นที่ 287 ภาพที่ 1 นายทองคำและนางคอย คุณาคม เคยถ่ายภาพร่วมกับผู้คัดค้านที่งานบุญสงกรานต์บ้านโนนเหมือดแอ่ ตำบลเซกา โดยมีนางสุพรรณ ร่วมถ่ายรูปด้วย ตามภาพถ่ายดังกล่าวซึ่งระบุว่าเป็นภาพถ่ายจากเฟซ บุ๊กของนางสุพรรณ ทั้งนายทองคำและนางสุพรรณต่างก็คล้องพวงมาลัยดอกไม้ถ่ายรูปคู่กันพร้อมกับมีคำบรรยายว่า “ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือกับรอยยิ้มที่จริงใจวันสงกรานต์ของเรา” บ่งชี้ว่านายทองคำรู้จักคุ้นเคยกับ ผู้คัดค้านและนางสุพรรณ ดังนั้น ที่นายทองคำอ้างว่าไม่สนิทกับนางสุพรรณจึงรับฟังไม่ได้
@คนจัดการรถแห่ เคยช่วยหาเสียง ทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยกัน
ในส่วนความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ระหว่างนางสุพรรณกับผู้คัดค้านและนางอรอุมา อดีตภริยาของผู้คัดค้านนั้น นอกจากข้อเท็จจริงได้ความจากทางไต่สวนของผู้ร้องว่า นางสุพรรณเคยทำงานอยู่ที่เทศบาล ตำบลป่งไฮในช่วงที่ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลป่งไฮ ยังได้ความจากภาพถ่าย ในเอกสารหมาย รค.1 โดยตามภาพถ่ายแผ่นที่ 226 ถึงแผ่นที่ 228 เป็นภาพถ่ายในขณะที่นางสุพรรณช่วยผู้คัดค้านหาเสียงในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่มีการร้องเรียนเป็นคดีนี้ ตามภาพถ่ายแผ่นที่ 288 เป็นภาพถ่ายที่นางสุพรรณ และผู้คัดค้านอยู่ด้วยกัน บริเวณที่มีการปราศรัยหาเสียง ตามภาพถ่ายแผ่นที่ 289 เป็นภาพถ่ายที่นางสุพรรณถ่ายคู่กับ ขบวนรถโฆษณาหาเสียงของผู้คัดค้าน ตามภาพถ่ายแผ่นที่ 290 เป็นภาพในขณะอยู่บนเวทีร่วมกับ บุคคลอื่นที่ต่างสวมเสื้อมีสัญลักษณ์พรรคภูมิใจไทยและคล้องพวงมาลัยสีเหลือง ตามภาพถ่าย แผ่นที่ 291 เป็นภาพขณะที่นางสุพรรณอยู่บนเวทีร่วมกับนางอรอุมาอดีตภริยาของผู้คัดค้าน โดยนางสุพรรณและนางอรอุมาต่างก็สวมเสื้อที่มีข้อความว่า “สุวรรณา” และต่างก็คล้องพวงมาลัย สีเหลือง โดยมีข้อความบรรยายประกอบว่า “ขอบคุณพี่น้องชาวบ้านตำบลบ้านต้องที่ต้อนรับทีมงาน ท่านนายกสุวรรณา กุมภิโร อย่างเป็นกันเองจ้า”
จากภาพถ่ายและข้อความประกอบภาพดังกล่าว เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่านางสุพรรณมิได้เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาบริหารจัดการรถแห่คันหมายเลข ทะเบียน 88-4704 นครปฐม ตามที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้าง แต่เข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้คัดค้าน ในฐานะผู้ที่ร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยกัน
@ทำสัญญาเช่ารถภายหลัง- รู้เห็น นำรถแหไปร่วมงานบุญก่อเจดีย์ทรายวัดจอมมณีธร
ที่ผู้คัดค้านนำสืบต่อสู้ว่า การเช่ารถมีสัญญาว่าจ้าง ตามเอกสารหมาย รค.1 แผ่นที่ 101 นั้น เห็นว่า สัญญาดังกล่าวที่ทำขึ้น ระหว่างนายทองคำกับ นางสุพรรณ ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มการเมืองเดียวกันและมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้คัดค้าน จึงง่ายต่อการจัดทำขึ้นในภายหลัง ในส่วนที่ผู้คัดค้านต่อสู้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถแห่คันหมายเลข ทะเบียน 88-4704 นครปฐม ก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ พยานหลักฐานดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนัก ให้รับฟัง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายทองคำนำรถแห่คันหมายเลขทะเบียน 88-4704 นครปฐม ไปร่วมขบวนแห่ในงานบุญตบประทายหรืองานก่อเจดีย์ทรายของวัดจอมมณีธรโดยไม่มีการเช่าจาก นางสุพรรณ และผู้คัดค้านมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายทองคำด้วย
@ ข้อเท็จจริงจากคำเบิกความพยานชี้ชัดจัดรถแห่จูงใจให้ลงคะแนนถือเป็นทุจริต
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการโฆษณาหาเสียง ด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการทุจริตในการเลือกตั้งหรือไม่
ในข้อนี้ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของพยานผู้ร้อง ปากนายคณิต คุณาคม และนายบุญธง คุณาคม ที่เบิกความในทำนองเดียวกันว่า ช่วงเช้าเวลา ประมาณ 9 นาฬิกา รถแห่แล่นมาที่วัดจอมมณีธรโดยเปิดเพลงหมอลำเสียงดัง มีชาวบ้านหนองทุ่ม หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 12 เข้าร่วม ฟ้อนรำจนกระทั่งประมาณช่วงเที่ยง รถแห่วนกลับมาที่วัดจอมมณีธร อีกครั้ง จากนั้นรถแห่ได้เปิดเพลงสปอตโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีเนื้อหาว่า “นายกหม่ำ เบอร์ 10 เบอร์ 10” แล้วรถแห่แล่นออกไปจากหมู่บ้าน ทั้งยังได้ความจากพยานผู้ร้องปากนางบุษบา ภูการุณย์และนางสาวอริษา จันทร์หอม ชาวบ้านที่เข้าร่วมขบวนแห่เบิกความในทำนองเดียวกันว่า รถแห่เริ่มที่บริเวณหน้าวัดจอมมณีธร และแห่ไปรอบหมู่บ้านหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 12 ก่อนจะวนกลับมา ที่หน้าวัดจอมมณีธร ระหว่างทางมีการเปิดเพลงหมอลำ มีประชาชนมาเต้นฟ้อนรำกันอย่างสนุกสนาน ตลอดทางที่แห่ เมื่อรถแห่วนกลับมาอีกครั้งได้เปิดเพลงสปอตโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ที่มีทำนองว่า “นายกหม่ำ เบอร์ 10 เบอร์ 10” นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความจากทางไต่สวนของผู้ร้องอีกว่า ระหว่างที่มีขบวนแห่นางคอย คุณาคม ภริยาของนายทองคำใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ บันทึกภาพและเสียง รวมทั้งบันทึกเหตุการณ์ขณะที่นายทองคำพูดถ้อยคำว่า “โอเคสุดยอดเลย วันนี้ทีมงานของนายกหม่ำ สจ. ทองคำ เขต 2 เป็นผู้ประสานงาน” แล้วเผยแพร่สิ่งที่บันทึกไว้ดังกล่าว ไปยังบุคคลอื่นผ่านทางแอปพลิเคชันเฟชบุ๊ก ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามคำเบิกความของพยาน ผู้ร้องดังกล่าวรวมทั้งถ้อยคำของนายทองคำที่ปรากฏจากแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กของนางคอย เป็นการบ่งชี้อย่างชัดแจ้งว่า การกระทำของนายทองคำที่จัดหารถแห่มาร่วมงานบุญตบประทาย หรืองานก่อเจดีย์ทรายของวัดจอมมณีธรเป็นการโฆษณาด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) ถือเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
@ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี - จัดเลือกตั้งใหม่ -อดีตเมีย ไม่มีหลักฐานชี้ชัดร่วมกระทำผิด
ส่วนผู้คัดค้านตามพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาไต่สวนรับฟังได้เช่นกันว่า ผู้คัดค้านมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายทองคำ ในลักษณะการใช้ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจ ให้มีการนำรถแห่ไปช่วยงานบุญตบประทาย จึงต้องถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นการทุจริตในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงให้เพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านเป็นเวลา 10 ปี และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ สำหรับนางอรอุมาซึ่งเป็นอดีตภริยาและเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้คัดค้านนั้น ตามทางไต่สวนของผู้ร้องไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่ามีส่วนรู้เห็นกับผู้คัดค้านและนายทองคำในการนำรถแห่ไปช่วยงานบุญตบประทายที่วัดจอมมณีธร จึงฟังไม่ได้ว่าร่วมกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
@เปิดที่มาสูตรคิดคำนวณออก ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง 9,852,954.13 บาท
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายว่า ผู้คัดค้านต้องรับผิดค่าใช้จ่ายสำหรับ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ตามคำร้องหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 139 บัญญัติว่า
“ในกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งผู้สมัครหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดและเป็นเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ไม่ว่าจะมีคำร้องขอหรือไม่ ให้ศาลฎีกาสั่งให้ผู้นั้นรับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุ ให้ศาลฎีกามีคำสั่งเช่นว่านั้น จำนวนค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณาจากหลักฐานการใช้จ่าย ที่คณะกรรมการเสนอต่อศาล”
ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านรู้เห็นเป็นใจในการกระทำของนายทองคำดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านและให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนผู้คัดค้านใหม่ ผู้คัดค้านจึงต้องรับผิดค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งนั้น ผู้ร้องมีเอกสารค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบึงกาฬ เอกสารค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) และเอกสารค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (หน่วยงานสนับสนุน) เอกสารหมาย ร.12 ถึง ร.52 มาแสดงต่อศาลรวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 9,852,954.13 บาท โดยผู้ร้องมีนางสาวจันทิมา ดอกลำเจียก ผู้จัดทำแบบรายงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบึงกาฬ และนางสาวขวัญสุรางค์ ขำแจ้ง ผู้จัดทำแบบรายงานค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เบิกความยืนยันว่า การเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย ในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ได้เบิกจ่าย ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยเงินและทรัพย์สิน พ.ศ. 2563 ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาทำการ พ.ศ. 2561 ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน พ.ศ. 2550 ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยค่ารับรอง เงินสมนาคุณและเงินการกุศล พ.ศ. 2560 ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้ง พ.ศ. 2561 ระเบียบคณะกรรมการ การเลือกตั้งว่าด้วยการช่วยเหลือการปฏิบัติงานและการสังเกตการณ์ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม พ.ศ. 2561 ครบถ้วนแล้ว อีกทั้งวัสดุที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งเป็นวัสดุประเภทสิ้นเปลืองซึ่งเมื่อใช้แล้วจะจำหน่ายออกทันที ประกอบกับตามตารางค่าใช้จ่ายเขตเลือกตั้งที่ 2 (ส่วนกลาง) และตารางค่าใช้จ่ายเขตเลือกตั้งที่ 2 (หน่วยงานสนับสนุน) มีรายละเอียดรายการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายโดยมีการคำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายจริง และเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดบึงกาฬ และตามมติคณะกรรมการ การเลือกตั้ง ในการประชุม ครั้งที่ 57/2567 เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 11 ได้กำหนด รายละเอียดวิธีการคิดคำนวณค่าใช้จ่ายไว้โดยสรุปความได้ว่า วิธีคำนวณค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) ทั้งค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถแยกได้และค่าใช้จ่ายที่สามารถ แยกได้ทั้งหมด ให้นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวคูณด้วยร้อยละ 80 แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้หารด้วยจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน จะได้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตนั้น ส่วนวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายของสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้งประจำจังหวัด กรณีค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถแยกได้ให้คำนวณโดยนำค่าใช้จ่ายทั้งหมด หารด้วยจำนวนเขตเลือกตั้งในจังหวัดนั้นจะได้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตนั้น กรณีค่าใช้จ่ายที่สามารถแยกได้ให้นำค่าใช้จ่ายมาคำนวณได้เต็มจำนวน ซึ่งวิธีการ คิดคำนวณดังกล่าวสมเหตุสมผลสำหรับการจัดการเลือกตั้งระดับประเทศที่มีการเตรียมการ และดำเนินการโดยรวมทั้งประเทศ ทั้งจังหวัดและเฉพาะเขตเลือกตั้ง นอกจากนี้ ผู้คัดค้านไม่ได้ นำพยานเข้าไต่สวนโต้แย้งเอกสารค่าใช้จ่ายและวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายดังกล่าว พยานหลักฐาน ของผู้ร้องจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของผู้คัดค้าน
ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 มีค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,852,954.13 บาท ตามที่ผู้ร้องขอพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุวรรณา กุมภีโร ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ แทนผู้คัดค้าน และให้ผู้คัดค้านชำระค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ครั้งที่เป็นเหตุให้ ศาลฎีกามีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ เป็นเงิน 9,852,954.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันยื่นคำร้อง (ยื่นคำร้องวันที่ 27 สิงหาคม 2567) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้หากกระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เมื่อใดก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอ