เผยมติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี 'เจนการณ์ เพียงปราชญ์' อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง-พวก เรียกเก็บเงินค่าเรียนปรับพื้นฐานผู้ปกครอง-นักเรียน ก่อนปิดเทอมในนามสมาคมศิษย์เก่า หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกกล่าวหานายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง, นายสมโภช พ่วงเจริญ ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง , นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง และนายอิทธิภพ ทวิภาค ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรณีกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่เรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เพื่อเป็นค่ากิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา (ค่าเรียนปรับพื้นฐานก่อนปิดเทอม) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 คนละ 1,500 บาท และค่ากิจกรรมสอนเสริมเพิ่มศักยภาพนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 คนละ 2,000 บาท (เรียนเฉพาะวันเสาร์) ในปีการศึกษา 2565 โดยได้เรียกเก็บในนามของสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า ในการปีการศึกษา 2565 นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ได้มอบหมายให้นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ นายอิทธิภพ ทิมวิภาค รองผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารทั่วไปและงานธุรการ และนายอภิชาติ ศรีวะรมย์ รองผู้อำนวยการ ไปประสานกับนายพงศ์สิริ วิธิวรวีร์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เพื่อขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เข้าร่วมในการจัดกิจกรรมพัฒนาทางด้านวิชาการกับโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง แทนสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โดยขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง รับเงินจากผู้ปกครองและออกใบเสร็จรับเงินค่ากิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา คนละ 1,500 บาท (ค่าเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอม) และค่ากิจกรรมสอนเสริม เพิ่มศักยภาพนักเรียน คนละ 2,000 บาท (เรียนเฉพาะวันเสาร์) ซึ่งการประสานขอความร่วมมือดังกล่าว สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ยังไม่ได้มีการอนุญาตและจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง
แต่ปรากฏว่าในวันที่ 12 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่รับมอบตัวนักเรียน ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งบุคลากรของโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงที่ได้รับการแต่งตั้ง ตามคำสั่งโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ที่ 41/2565 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการรับรายงานตัวและมอบตัวนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ เป็นภาษาอังกฤษ (English Program) และภาษาอังกฤษฉบับย่อ (Mini English Program) ปีการศึกษา 2565 ให้เป็นคณะกรรมการฝ่ายรับมอบตัวนักเรียน และให้มีหน้าที่ออกใบเสร็จและรับเงินค่าบำรุงการศึกษา ค่าบำรุงสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง และค่าเรียนกิจกรรมพัฒนาวิชาการ ได้ทำการเก็บเงินค่ากิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1,500 บาท (ค่าเรียน ปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอม) และค่ากิจกรรมสอนเสริมเพิ่มศักยภาพนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2,000 บาท (เรียนเฉพาะวันเสาร์) และได้ออกใบเสร็จรับเงินในนามสมาคม ศิษย์เก่าวัดนายโรง ที่ได้มีการจัดทำขึ้นโดยนายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารวิชาการ ก่อนที่จะถึงวันที่มีการรับมอบตัวนักเรียน ซึ่งการเรียกเก็บเงินค่ากิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา และค่ากิจกรรมสอนเสริมเพิ่มศักยภาพนักเรียน ที่ได้มีการเรียกเก็บจากผู้ปกครองนักเรียน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 521,000 บาท ไม่ได้มีการนำเงินดังกล่าวเข้าเป็นรายได้ของสถานศึกษา และจำนวนเงินที่เรียกเก็บเกินกว่าประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2554 การกระทำดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงฟังได้ว่าร่วมเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า กิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อ ในสถานศึกษา (ค่าเรียนปรับพื้นฐานก่อนปิดเทอม) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 และค่ากิจกรรมสอนเสริมเพิ่มศักยภาพนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (สอนเสริมวันเสาร์) เป็นกิจกรรมที่มีขึ้นโดยมติและความเห็นของเครือข่ายผู้ปกครอง ที่ต้องการให้นักเรียนที่เข้ามาศึกษาต่อโรงเรียนมัธยม วัดนายโรง ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโครงการการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ English Program และ Mini English Program สามารถเรียนได้สัมฤทธิ์ผล โดยในปีการศึกษา 2562 - 2564 สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เป็นผู้จัดเก็บเงินค่าจัดกิจกรรมดังกล่าว เมื่อโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงจัดกิจกรรมแล้วเสร็จ จะจัดทำเอกสารเพื่อขอเบิกเงินค่าใช้จ่ายต่อสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงต่อไป (บ.2) ส่วนในปีการศึกษา 2565 นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ได้ขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เป็นผู้รับเงินแทนสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เนื่องจากเกิดปัญหาการส่งเอกสาร เพื่อหักล้างเงินยืมในกิจกรรมการสอนเสริมวันเสาร์ของปีการศึกษา 2563 ที่ไม่ปฏิบัติเหมือนทุกครั้ง และกรณีสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ไม่อนุมัติเงินค่ากิจกรรมการสอนเสริมวันเสาร์ของปีการศึกษา 2564 ซึ่งโรงเรียนได้เริ่มจัดกิจกรรมการสอนเสริมวันเสาร์ให้กับนักเรียนไปแล้ว
โดยสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ต้องการให้นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกหล่าวหาที่ 1 ชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่าย จำนวน 38,000 บาท ที่ได้รับเมื่อครั้งจัดกิจกรรมการสอนเสริมวันเสาร์ของปีการศึกษา 2563 ก่อน ทำให้เกิดปัญหาการค้างจ่ายค่าตอบแทนให้กับครูผู้สอน จึงทำให้ในปีการศึกษา 2565 นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เป็นผู้รับเงินแทนสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอม และค่าใช้จ่ายในการสอนเสริมวันเสาร์ โดยสอดคล้องกับคำให้การของนายสมโภช พ่วงเจริญ ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายอิทธิภพ ทวิภาค ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนางสาวมณฑกาญจน์ ทองคำ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ที่ให้การว่า การที่ขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง รับเงินค่าเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอมและค่าสอนเสริมวันเสาร์ แทนสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงนั้น เพื่อไม่ต้องการให้เกิดปัญหาการค้างจ่ายค่าจ้างครูผู้สอนและเพื่อให้ยังคงมีการเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอมและการสอนเสริมวันเสาร์
ในปีการศึกษา 2565 นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงได้มอบหมายให้นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายอิทธิภพ ทวิภาค ตำแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เข้าไปพูดคุยขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงให้ความช่วยเหลือโดยให้สมาคมศิษย์เก่าเป็นผู้รับเงินค่าเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอมและค่าสอนเสริมวันเสาร์ ในการปีการศึกษา 2565 แทนสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ซึ่งในการพูดคุยกับนายพงศ์สิริ วธีวรวีร์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ยินดีให้ความช่วยเหลือหากเป็นเรื่องที่อยู่ในวัตถุประสงค์ของสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โดยให้โรงเรียนมัธยมวัดนายโรงจัดทำเอกสารรายละเอียดโครงการมายังสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงเพื่อที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงต่อไป ทั้งนี้ นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้การว่า จากการพูดคุยกับนายพงศ์สิริ วธีวรวีร์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ทางสมาคมไม่ขัดข้องที่จะให้ออกใบเสร็จรับเงินในนามสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง และให้นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ประสานกับนางสาวทิตา ศศิยศชาติ ประกอบกับจากภาพถ่ายการสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ระหว่างนายสมโภชพ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนางสาวทิตา ศศิยศชาติ พบว่า มีการส่งรูปแบบใบเสร็จรับเงินของสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง และได้แจ้งลำดับเลขที่ของเล่มใบเสร็จรับเงินให้กับนายสมโภช พ่วงเจริญ ทราบ และภาพถ่ายการสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ระหว่างนายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายพงศ์สิริ วธีวรวีร์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ที่นายสมโภช พ่วงเจริญ ได้ขอตราสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เพื่อนำมาจัดทำใบเสร็จรับเงินซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่าสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ยินยอมที่จะให้มีการเก็บเงินค่ากิจกรรมในนามของสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายอิทธิภพ ทวิภาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้ขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครอง เพื่อจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 (เรียนปรับพื้นฐานก่อนปิดเทอม) และค่ากิจกรรมสอนเสริมเพิ่มศักยภาพนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (สอนเสริมวันเสาร์) ในปีการศึกษา 2565 โดยเรียกเก็บเงินในนามสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง นั้น มีเจตนาเพื่อต้องการให้กิจกรรมการเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอม และการสอนเสริมวันเสาร์ ในปีการศึกษา 2565 ยังคงดำเนินต่อไปได้ จึงทำให้นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายอิทธิภพ ทวิภาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้ขอให้สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงช่วยเหลือในการเรียกเก็บเงินค่าเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอมและค่าสอนเสริมวันเสาร์ แทนสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง
ประกอบกับเงินค่ากิจกรรมดังกล่าว ได้มีการนำเข้าบัญชีธนาคารของสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดนายโรงโดยไม่ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ถูกกล่วหาที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และในการเบิกเงินเพื่อนำมาจัดกิจกรรมจะต้องมีการเสนอรายละเอียดของกิจกรรรมและขอเบิกจ่ายเงินจากสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนวัดมัธยมวัดนายโรงต่อไป จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าว จึงยังฟังไม่ได้ว่า การเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองและนักเรียน เพื่อเป็นค่าจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการก่อนเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง (เรียนปรับพื้นฐานก่อนปิดเทอม) และค่ากิจกรรมสอนเสริมเพิ่มศักยภาพนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (สอนเสริมวันเสาร์) ในปีการศึกษา 2565 ของนายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายอิทธิภพ ทวิภาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 พิจารณาแล้ว มีมติด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นายเจนการณ์ เพียงปราชญ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสมโภช พ่วงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอภิชาติ ศรีวะรมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายอิทธิภพ ทวิภาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป