เผยมติ ป.ป.ช.เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี 'สรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล' อดีตนายก อบต.หนองปากโลง นครปฐม ร่ำรวยผิดปกติ 'ที่ดิน-รายได้ขายพระเครื่อง' รวมกว่า 28,445,000 บาท เหตุพ้นตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่มีหน้าที่อำนาจนำบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเคยยื่นไว้มาตรวจสอบ ความเปลี่ยนแปลงได้ ให้ยุติการไต่สวน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองปากโลง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม กรณีร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 28,445,000 บาท เนื่องจากพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี เป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีหน้าที่และอำนาจนำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีดังกล่าว เคยยื่นไว้มาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นเมื่อเข้ารับตำแหน่ง หรือเมื่อพ้นจากตำแหน่งได้ ให้ยุติการไต่สวน
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ว่า จากการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล กรณีพ้นจากตำแหน่งครบหนึ่งปี ปรากฏว่า นายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล มีทรัพย์สิน มีรายการทรัพย์สินประเภทที่ดินเพิ่มขึ้น จำนวน 15 แปลง มูลค่า 10,325,000 บาท และมีรายได้จากการจำหน่ายรายการทรัพย์สิน ประเภทพระเครื่อง มูลค่า 18,120,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นเป็นเงิน จำนวน 28,445,000 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ว่า เรื่องนี้เป็นการไต่สวนเพื่อร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน โดยอาศัยเหตุจากการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินที่นายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นไว้เมื่อเข้ารับตำแหน่งหรือเมื่อพ้นจากตำแหน่งกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่นายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นเมื่อพ้น จากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 113 ประกอบมาตรา 115 เมื่อการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว มาตรา 110 ต้องเป็นการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินจากบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ยื่นมีหน้าที่ตามความในมาตรา 105
เมื่อนายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล นายกองค์การ บริหารส่วนตำบลหนองปากโลง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ไม่มีหน้าที่ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ย่อมเป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีหน้าที่และอำนาจนำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีดังกล่าวที่นายสรศักดิ์ เอี้ยวศิวิกูล ผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นไว้มาตรวจสอบ ความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นเมื่อเข้ารับตำแหน่ง หรือเมื่อพ้นจากตำแหน่งได้
ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่มีอำนาจไต่สวนเพื่อร้องขอให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน โดยอาศัยเหตุจากการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินที่เกิดจากการนำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีมาเปรียบเทียบ ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว มาตรา 113 ประกอบมาตรา 115 ได้ จึงมีมติให้ยุติการไต่สวน