"...หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ได้คุมตัว ‘บุญทรง’ เดินทางเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที ทำให้คนการเมืองเมาท์กันให้แซ่ดถึงเรื่องนี้ว่า ‘บุญทรง’ เจ็บแค้นเป็นอย่างมากที่ถูกหลอก อย่างไรก็ดีเขายังคงมี ‘ไพ่ตาย’ เป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญว่า โครงการจำนำข้าว และการระบายข้าวจีทูจี เขามิได้เป็น ‘ตัวการ’ แต่มีใครบางคน ‘ชักใย’ อยู่เบื้องหลัง..."
เป็นเรื่องที่เรียกเสียงฮือฮาในสังคมไทยไม่น้อย!
กรณี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเงื่อนไขได้รับการพักโทษจาก ‘กรมราชทัณฑ์’ ถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อไปคุมประพฤติที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของเจ้าตัว หลังถูกจำคุกในเรือนจำมานานกว่า 7 ปีในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ตั้งแต่ปี 2560 จากโทษทั้งหมดที่ศาลฎีกาฯพิพากษาคือ 42 ปี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เมื่อ 3 ธ.ค.ชี้แจงว่า ‘บุญทรง’ เป็น ‘นักโทษชั้นเยี่ยม’ จึงเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดวันต้องโทษในปี 2564 รอบแรก เหลือวันต้องโทษ 16 ปี ต่อมาได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษรอบที่ 2 ในปี 2564 อีกครั้ง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี และจะพ้นโทษในวันที่ 21 เม.ย. 2571 อย่างไรก็ดีเขาเข้าเงื่อนไขได้รับการพักโทษ เนื่องจากรับโทษไปแล้ว 7 ปี 6 เดือน เหลือโทษอีกประมาณ 3 ปี
เบื้องต้น ‘บุญทรง’ มิได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนรายใด แต่ ‘เดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์’ บุตรชาย อดีตผู้สมัคร สส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ยืนยันว่า ‘บุญทรง’ ได้รับการพักโทษจริง ตนเองไปรับกลับบ้านมาในช่วงเช้า ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับนายบุญทรงมาก ส่วนเรื่องคดีแพ่งตนเองก็ไม่ทราบอะไรมากก็คงต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสุขภาพนายบุญทรง เป็นอย่างไร เดชนัฐวิทย์ ตอบว่า "นอกจากเรื่องหมอนรองกระดูกและโรคประจำตัว ก็ถือว่าโอเค หน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ก็ถึงวันที่เฝ้ารอมานาน"
สำหรับ ‘บุญทรง’ แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะแทบไม่มีบทบาทในทางการเมือง เพราะต้องโทษในเรือนจำ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 10 ปีก่อนเขาถือเป็นนักการเมืองที่ได้รับการจดจำมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลโครงการ ‘ระบายข้าว’ หนึ่งในกลไกสำคัญของโครงการรับจำนำข้าว จนนำไปสู่ ‘จุดจบ’ ของ ‘รัฐบาลนารีขี่ม้าขาว’
เส้นทางชีวิตของ ‘บุญทรง’ เกิดเมื่อ 8 ก.ค. 2503 ปัจจุบันอายุ 64 ปี มีชื่อเล่นว่า ‘เป็กซ์’ เป็นบุตรของ ทรวง กับสุมาลี เตริยาภิรมย์ โดยเขาเกิดและเติบโตที่ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ในวัยเด็กศึกษาที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โรงเรียนชั้นนำในเชียงใหม่ ซึ่งมีบุคคลสำคัญในแวดวงราชการ-การเมืองเรียนจบจากที่นี่หลายคน หนึ่งในนั้นคือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯ 2 สมัย หลังจากนั้น ‘บุญทรง’ เดินทางไปเรียนต่อปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา โดยจบการศึกษาสาขาบริหารธุรกิจที่ ม.เคนทักกีสเตต เมื่อปี 2525
เมื่อเรียนจบ เขาเข้าทำงานในแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมใน จ.เชียงใหม่ กระทั่งเติบโตทางหน้าที่การงาน จนถูกแต่งตั้งเป็นประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงใหม่ ระหว่างปี 2540-2543 หลังจากนั้นเขาเริ่มต้นบนถนนการเมืองด้วยการเข้าสังกัด ‘พรรคไทยรักไทย’ ที่เพิ่งตั้งไข่ขึ้น ถูกส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่ ในปี 2544 และชนะการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ก่อนจะลากยาวเป็น สส.เชียงใหม่ 4 สมัยรวด ผ่าน 3 พรรคการเมืองคือ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย
ในช่วงเวลาที่เขาเป็น สส.เชียงใหม่ ได้สังกัดกับกลุ่มการเมือง ‘วังบัวบาน’ ของ ‘เจ๊ ด.’ ผู้มากบารมีและอิทธิพลใน จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ภาคเหนือ โดยในปี 2551 เมื่อนายกฯชื่อ ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ เขาถูกแต่งตั้งเป็นเลขานุการส่วนตัวนายกฯ ต่อมาได้รับการปูนบำเหน็จนั่งเก้าอี้ ‘เสนาบดี’ ครั้งแรกสมัยรัฐบาล ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เมื่อปี 2554 ด้วยตำแหน่ง รมช.คลัง ต่อมาในปี 2555 เขาถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญคือ รมว.พาณิชย์ มีหน้าที่กำกับดูแลการระบายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล รวมถึงการระบายผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น ‘มันสำปะหลัง’ เป็นต้น
หลังจากเขาเป็น รมว.พาณิชย์ เส้นทางชีวิตของ ‘บุญทรง’ ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อต้องรับบทบาทเป็นผู้กำกับดูแลกรมการค้าต่างประเทศ ที่มีนโยบายหลักเรื่องการ ‘ขายข้าวแบบจีทูจี’ ให้กับนิติบุคคลผู้รับมอบอำนาจจากประเทศต่าง ๆ แม้แต่ ‘สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ‘เพื่อนซี้’ อดีตเลขาธิการนายกฯยิ่งลักษณ์ ยังโพสต์เฟซบุ๊กเล่าว่า เคยแวะไปคุยกับบุญทรง เห็นแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง จึงถามว่า “ใครดูให้แต่ละเรื่อง น่ากลัว” แต่ ‘บุญทรง’ ตอบกลับว่า “มีทีม”
หลังจากนั้นหลายคนอาจทราบกันไปแล้วว่า ‘บุญทรง’ ตกเป็นตัวการสำคัญในการทุจริตโครงการระบายข้าวแบบจีทูจี เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีการขายข้าวดังกล่าวขึ้นจริง แต่กลับนำข้าวในโครงการจำนำข้าวมาขายต่อให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ก่อนจะนำมาเวียนขายต่อให้โรงสีหลายแห่งภายในประเทศ ขณะเดียวกันตัวแทนนิติบุคคลจากจีน ก็มิได้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวจริง รวมเบื้องต้นมี 8 สัญญา รัฐเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท
โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูล ‘บุญทรง’ กับพวก ทั้ง ‘ภูมิ สาระผล’ อดีต รมช.พาณิชย์ (ขณะนั้น) พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือ ‘หมอโด่ง’ คีย์แมนสำคัญผู้ประสานงานในเรื่องนี้ (ปัจจุบันหลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษาศาล) รวมถึง ‘มนัส สร้อยพลอย’ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (ขณะนั้น) บิ๊กข้าราชการหลายคน และ ‘สยามอินดิก้า’ บริษัทค้าข้าวชื่อดังที่มี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อภิชาติ จันทร์สกุลพร เป็นเจ้าของ รวมอยู่ด้วย
ที่น่าสนใจในวันนัดฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2560 ซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ในศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา 2 คดีสำคัญในทางการเมืองคือ คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว มี ‘ยิ่งลักษณ์’ เป็นจำเลย และคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี มี ‘บุญทรง-ภูมิ’ เป็น 2 จำเลยสำคัญ
ในช่วงเช้า ‘บุญทรง’ เดินทางมาศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยความมั่นใจว่า จะรอดพ้นบ่วงคดีนี้ไปได้ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าวันนี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ จะมาหรือไม่ ‘บุญทรง’ อ้างว่า ได้คุยกับ ‘ยิ่งลักษณ์’ แล้ว ยืนยันว่าจะเดินทางมา
@ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ว่ากันว่าในช่วงเช้าวันนั้น ‘บุญทรง’ เช็คสัญญาณจาก ‘นายหญิง’ ผ่านการโทรศัพท์ส่วนตัว โดย ‘นายหญิง’ ให้คำตอบเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “กำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปศาล” ทำให้ ‘บุญทรง’ มั่นใจจึงเดินทางไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษา ทว่าสุดท้าย ‘ยิ่งลักษณ์’ มิได้เดินทางมาศาล ทำให้ ‘บุญทรง’ ที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี ‘ยิ่งลักษณ์’ ออกไป และอ่านคำพิพากษาคดี ‘บุญทรง’ เพียงคดีเดียว สุดท้ายแล้วศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก ‘บุญทรง’ 42 ปี ในคดีนี้
หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ได้คุมตัว ‘บุญทรง’ เดินทางเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที ทำให้คนการเมืองเมาท์กันให้แซ่ดถึงเรื่องนี้ว่า ‘บุญทรง’ เจ็บแค้นเป็นอย่างมากที่ถูกหลอก อย่างไรก็ดีเขายังคงมี ‘ไพ่ตาย’ เป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญว่า โครงการจำนำข้าว และการระบายข้าวจีทูจี เขามิได้เป็น ‘ตัวการ’ แต่มีใครบางคน ‘ชักใย’ อยู่เบื้องหลัง
เรื่องนี้เพื่อนรักอย่าง ‘สุรนันทน์’ เคยเขียนไว้ในเฟซบุ๊กเช่นกันว่า "มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง" แต่ ‘บุญทรง’ ตอบกลับมาว่า “กูพูดไม่ได้”
หลังจาก ‘บุญทรง’ เข้าเรือนจำไม่นาน มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ช.เข้าไปสอบปากคำเขาในเรือนจำ และมีความพยายามจะกัน ‘บุญทรง’ ไว้เป็นพยานในคดีระบายข้าว ซึ่งยังมีสำนวนที่ 2 รออยู่คือ กรณีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 อีก 4 สัญญา เสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งพฤติการณ์ และตัวละครหลักล้วนเป็น ‘หน้าเดิม’ ไม่แตกต่างจากภาคแรกมากนัก
ต่อมาระหว่างปี 2561-2562 มีความเคลื่อนไหวจาก ‘ลูกชาย’ ของ ‘บุญทรง’ คือ ‘เดชณัฐวิทย์’ ที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ย้ายไปสมัครรับเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่ สังกัดพรรคอนาคตใหม่ (ชื่อพรรคขณะนั้น) แต่สอบตก ต่อมาในปี 2565 เขาย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อลงสมัคร สส.เชียงใหม่ ในปี 2566 แต่ไม่ได้รับเลือกอีกเช่นกัน
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตั้งองค์คณะไต่สวนคดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 โดยกล่าวหา ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์’ (อดีต สส.เชียงใหม่ น้องสาวทักษิณ) ในคดีนี้ด้วย อย่างไรก็ดีผ่านไปไม่นานนักคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องกล่าวหา 3 ‘บิ๊กเนมการเมือง’ ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอเอาผิดได้ คงเหลือแค่ชี้มูล ‘หมอโด่ง’ ในฐานะคีย์แมนคนสำคัญ พ่วงด้วยอดีตบิ๊กข้าราชการ และเอกชนโรงสีข้าวหน้าเดิม ๆ คล้ายกับภาคแรกเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นที่โจษจันอย่างมากในแวดวงคนการเมือง เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ‘บุญทรง’ มี ‘เทปลับ’ ที่บันทึกบทสนทนาว่ามีใครบางคนสั่งการให้ดำเนินโครงการจำนำข้าว และโครงการระบายข้าวจีทูจี ซึ่งเขามีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น ทว่าจนถึงปัจจุบัน ‘เทปลับ’ ดังกล่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ความมีอยู่จริงได้ แม้แต่ ป.ป.ช.ก็ยังยืนยันว่า ไม่มีเทปลับนี้ในสำนวน จนสุดท้ายต้องปิดฉากรูดม่านโครงการระบายข้าวลงไป
ทว่า ‘บุญทรง’ ยังต้องเผชิญวิบากกรรมในคดีเกี่ยวกับจีทูจีอีกคดีคือ กรณีกล่าวหาว่าเขากับพวก ทุจริตโครงการระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในยุค ‘รัฐบาลยิ่งลักษณ์’ ปัจจุบันเรื่องนี้สำนวนยังอยู่ที่คณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ระหว่างฝ่ายอัยการ และฝ่าย ป.ป.ช. ยังไม่ถึงในชั้นศาล
@ บุญทรง เตริยาภิรมย์
นอกจากนี้ในคดีระบายข้าวจีทูจี ‘บุญทรง’ ยังถูกไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติด้วย กรณีพ้นจาก รมว.พาณิชย์ หลังตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ อยู่ในชื่อคนใกล้ชิดถือแทน ซึ่งเป็นเครือญาติอย่างน้อย 4 ราย อย่างไรก็ดี คดีร่ำรวยผิดปกติ ถูกมองว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องกรอบระยะเวลาทางคดี เพราะนับตั้งแต่บุญทรง พ้นตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ช่วงพ้นตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2557 จนถึงปัจจุบันระยะเวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี แล้ว
ทั้งหมดคือฉากชีวิต ‘บุญทรง’ จากดีกรีนักเรียนนอก สู่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเชียงใหม่ กระทั่งก้าวมาโลดแล่นบนถนนการเมือง เลือกเส้นทางกลุ่ม ‘วังบัวบาน’ จนเติบโตภายในพรรค ขึ้นชั้นรัฐมนตรีเมื่อปี 2554 กระทั่ง ‘ถูกเด็ดปีก’ จนตกเป็น ‘ผู้ต้องขัง’ คดีทุจริต และได้รับการพักโทษในวันนี้
ท่ามกลางความฉงนสงสัยว่า ตกลงโครงการระบายข้าวจีทูจี ยังมีเบื้องลึก-ฉากหลังอะไรซ่อนอยู่อีกหรือไม่ และแท้จริงใครเป็นคนสั่งการ บรรดาเรื่องพวกนี้คงไม่มีใครตอบได้นอกจาก ‘บุญทรง’ ที่เขาเคยลั่นวาจาไว้แล้วว่า “กูพูดไม่ได้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดข้อกล่าวหาคดีมันฯจีทูจี 'บุญทรง' รีบทำสัญญาราคาต่ำ-'วีระวุฒิ' มือชงเอาไปขายต่อ
- เจาะสำนวนที่ 3 มติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีมันฯจีทูจี 'บุญทรง-วีระวุฒิ-มนัส' โดน 'ชินวัตร' รอด
- ชินวัตรรอด! ป.ป.ช.ตีตกคดีข้าวจีทูจีภาค2 'ทักษิณ-ปู-เยาวภา' จ่อทบทวนกัน 'บุญทรง' พยาน
- เลขาฯ ป.ป.ช.คอนเฟิร์มไต่สวน 'บุญทรง' คดีร่ำรวย 'ทักษิณ-ปู-เยาวภา' รอดข้าวจีทูจีภาค