ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง 'กิตติรัตน์ ณ ระนอง' คดีไม่สั่งตรวจสอบการระบายข้าวเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว หรือ ข้าวบูล็อค สมัยเป็น รมว.พาณิชย์ ชี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ข้อหาสร้างความเสียหายประเทศชาติอย่างร้ายแรงไม่มีผลต่อคดี - เจ้าตัวยันพร้อมทำหน้าที่ปธ.ที่ปรึกษานายกฯ ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ วันที่ 11 ก.ค. 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา คดี อม.17/2565 ระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) โจทก์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่สั่งตรวจสอบการระบายข้าวเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว หรือคดีข้าวบูล็อค
ศาลฯ พิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากข้อมูลการซื้อขายข้าว ส่งมอบข้าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง นายภูมิ ซึ่งเป็นรมช.พาณิชย์ (ในสมัยนั้น) ทราบเป็นอย่างดี และจำเลยรับทราบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านนายภูมิ ส่วนข้อหาสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรงไม่จำเป็นต้องพิจารณาเนื่องจากไม่มีผลต่อคดี
ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาว่า "ตลอดเวลาที่ต่อสู้ข้อกล่าวหามา เชื่อว่าปฏิบัติหน้าทีโดยสุจริตและระมัดระวัง แต่ก็เป็นสิทธิ์ของป.ป.ช. ที่จะทำหน้าที่ในส่วนนั้น แต่เราก็ชี้แจงได้ ขอบคุณทนายความที่เตรียมคำอธิบายที่สอดคล้องตามลำดับ ต่อไปก็จะทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาของนายกเศรษฐาอย่างเต็มที่ ขอบคุณหลาย ๆ ท่านที่ให้กำลังใจ"
สำหรับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2564 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิดนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวกที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) คดีการระบายข้าวจำนวน 3 แสนตัน ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศ อินโดนีเซีย (BULOG) จำนวน 30,000 ตัน ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าคดีข้าวบูล็อค ปัจจุบัน นายกิตติรัตน์ มีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน