ป.ป.ช.เผยความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'พัทธ์ธีรา ปัญญารัตนรักษ์' อดีตปลัด อบต.หนองตาดใหญ่ นครราชสีมา ทุจริตโครงการปลูกฝังเผยแพร่คุณธรรมและจริยธรรมให้แก่พนักงานส่วนตำบลประจำปี พ.ศ.2551 ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาลงโทษ จำคุก 3 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นางพัทธ์ธีรา ปัญญารัตนรักษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองตาดใหญ่ อำเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา กับพวก ทุจริตโครงการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินภายในเขต อบต.หนองตาดใหญ่ และโครงการปลูกฝังเผยแพร่คุณธรรมและจริยธรรมให้แก่พนักงานส่วนตำบลประจำปี พ.ศ.2551 และเบิกเงินค่าเช่าบ้านจากทางราชการอันเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2564
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาดังนี้
1. กรณีการดำเนินการโครงการจัดทำแผนที่ภาษีฯ (ความผิด กรรมแรก) ศาลฯ พิพากษายกฟ้อง
2. กรณีทุจริตในการดำเนินการโครงการปลูกฝังเผยแพร่คุณธรรม ฯ (ความผิดกรรมที่สอง ) มีความผิด ตาม ป.อ. ม. 147 (เดิม) จำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชนแ์ก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสาม ตาม ป.อ.ม.78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2567 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านประกอบ :