มช.ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ปมนักวิชาการจ่ายเงินซื้องานวิจัยใส่ชื่อเป็นผลงานตัวเอง อว.ชี้ผิดจริยธรรมร้ายแรง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 จากกรณีสังคมออนไลน์มีการเปิดเผยข้อมูลว่า พบนักวิชาการบางรายจ่ายเงินซื้องานวิจัยที่ตัวเองไม่ได้ทำเพื่อใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของผลงานและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างประเทศ
ล่าสุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกประกาศชี้แจง ระบุว่า ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ มีการลงข่าวเรื่อง การกระทำผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณการวิจัย โดยมีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนั้น
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตระหนักและให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวอย่างสูงสุด โดยถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อบุคคลดังกล่าว ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยต่อไปแล้ว
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขอยืนยันที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวตามหลักธรรมาภิบาลและคุณธรรมทางวิชาการต่อไป
อว.ชี้ซื้อ-แปะชื่อตีพิมพ์วิจัย ผิดจริยธรรมทางวิชาการร้ายแรง สั่งมหาวิทยาลัยเร่งสอบ
ในวันเดียวกัน ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่ามีนักวิจัยจำนวนหนึ่งได้ตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ ผ่านการซื้อผลงานเพื่อให้ตัวเองได้มีชื่ออยู่ในบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ ทางกระทรวง อว. จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนและติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการผิดจริยธรรมทางวิชาการอย่างชัดเจน
“ขอขอบคุณนักวิชาการและสื่อมวลชนที่ห่วงใยและได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกระทรวง อว. ว่ามีกลไกที่เป็นช่องโหว่ในการตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการโดยที่บุคคลที่มีชื่ออยู่ในบทความนั้นอาจไม่ได้เป็นผู้วิจัยในโครงการจริง เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจริงจัง หากพบว่าดำเนินการจริงต้องถือเป็นความผิดและลงโทษอย่างรวดเร็ว” ศ.(พิเศษ) ดร.เอนกกล่าว
ด้าน ศ.ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตาม พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ.2562 มาตรา 70 ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใด จ้าง วาน ใช้ให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเพื่อใช้ในการทำผลงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขอตำแหน่งทางวิชาการ หรือเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะหรือการให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินอื่นในระดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ห้ามมิให้ผู้ใดรับจ้างหรือรับดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้ผู้อื่นนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือโดยสุจริตตามสมควร โดยหากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และยังมีประกาศเรื่อง มาตรฐานการวิจัย
โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ระบุถึงมาตรฐานการเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการ รวมทั้งจริยธรรมนักวิจัยด้วย ดังนั้น การที่มีนักวิจัยได้ตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ ผ่านการซื้อผลงานเพื่อให้ตัวเองได้มีชื่ออยู่ในบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ จึงเป็นการผิดจริยธรรมทางวิชาการ ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยมีหน้าที่ในการเคร่งครัดดูแลให้บุคลากรดำเนินการให้ถูกต้องไม่ผิดหลักจริยธรรม และสำนักงานปลัดกระทรวง อว. โดยคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (กพอ) และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) จะต้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
ศ.ดร.นพ. สิริฤกษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวง อว. ได้แจ้งย้ำไปยังที่ประชุมอธิการบดีของมหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชน และหน่วยงานวิจัยต่างๆ ให้ตรวจสอบข้อมูลของบุคลากรอย่างใกล้ชิด ตามแนวทางในการกำกับจริยธรรมการตีพิมพ์ผลงานวิจัย รวมทั้งการนำผลงานที่ผิดจริยธรรมมาขอตำแหน่งวิชาการ หากตรวจพบประเด็นใดให้ดำเนินการทันทีและป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำในลักษณะนี้อีก
“กระทรวง อว. ได้จัดให้มีทีมงานส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกแล้ว ขอขอบคุณท่านที่ได้ให้ข้อมูลมายังสำนักปลัดกระทรวง อว. (สป.อว.) และหากมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งข้อมูลมายัง สป.อว. ได้ทันที” ศ.ดร.นพ. สิริฤกษ์ กล่าว