เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'สมชาย เอื้อกิจประเสริฐ' อดีตผอ.โรงเรียนอนุบาลหนองปรือ กาญจนบุรี เอื้อประโยชน์เบียดบังเงินอนุญาตร้านค้าเข้ามาจำหน่ายสินค้าในโรงเรียน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 24 เดือน พวก1 รายโดน 16 เดือน ได้รอลงอาญา -ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี กับพวก 1 ราย คือ นางสิษฐี อินทรฉาย กรณีจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีตกลงราคากับร้านค้าที่มิได้มีลักษณะเป็นร้านค้า เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับจ้าง และเบียดบังเงินที่ได้จากการอนุญาตให้ร้านค้าเข้ามาจำหน่ายสินค้าในโรงเรียน
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 , 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ จำเลยที่ 1 และ นางสิษฐี อินทรฉาย จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 152
การกระทำของจำเลยทั้งสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ จำเลยที่ 1 กระทำผิดรวม 3 กระทง นางสิษฐี อินทรฉาย จำเลยที่ 2 กระทำผิดรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 18,000 บาท
คำให้การและทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม
คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน และปรับกระทงละ 12,000 บาท
เมื่อรวมทุกกระทงความผิดแล้ว ให้จำคุก นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ จำเลยที่ 1 มีกำหนด 24 เดือน และปรับ 36,000 บาท
จำคุก นางสิษฐี อินทรฉาย จำเลยที่ 2 มีกำหนด 16 เดือน และปรับ 24,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มักำหนด 2 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
อย่างไรก็ดี คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 มีมติเห็นควรให้อัยการสูงสุด (อสส.) อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในส่วนที่ยกฟ้องจำเลยที่สอง
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวในหมวดเดียวกันประกอบ
- รอลงอาญา! คุก1ปี 'พิบูลย์ รัชกิจประการ'ส.ส.ภูมิใจไทย คดีสร้างตึก รร.ช่วงนั่งนายกฯสตูล
- คุก 50 ปี! อดีตครู ค.ศ.2 ศรีสะเกษ ทุจริตเงินสวัสดิการศึกษาบุตรข้าราชการ
- ยืนโทษ! คุกคนละ 1 ปี อดีตนายก อบต.โชคชัย-พวก สารภาพทำถนนลูกรังไม่เป็นไปตามรูปแบบ
- ไม่รอลงอาญา! คุก 3 ปี 4 ด. อดีตนายกเทศฯ หินเหล็กไฟ บุรีรัมย์ ยักยอกสิ่งปลูกสร้าง
- คุกอีก 6 ปี ! คดีที่ 2 อดีตนายก อบต.กมลา ภูเก็ต เอื้อเอกชนรับงานบูรณะเขื่อนหิน
- คุก 2 ปี 6 ด.! อดีตนายก อบต.พิหารแดง สุพรรณบุรี สารภาพกินส่วนต่างซื้อถังขยะแพง
- ป.ป.ช.ค้านอสส.ไม่อุทธรณ์สู้! รอลงอาญา คุก 3 ปี 6 ด.ส.อบจ.ชัยภูมิ ร่วมฮั้วซื้อเครื่องจักร
- รอลงอาญาคุก 6 ด.! อดีตนายกเทศฯ โคกพุทรา เรียกเงินตอบแทนจ่ายโบนัส พนง.
- คุก 5 ปี! อดีตเจ้าพนง.ป่าไม้ นปม.หนองบัวลำภู จับตัวกักขังข่มขู่เรียกเงินผู้ต้องหา