สธ.ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ใดไม่ขออนุญาตศึกษา วิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปกัญชาเพื่อการค้า มีความผิดต้องจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาการแพทย์ ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ระบุว่า ด้วย รมว.สาธารณสุข ได้ออกประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งอยู่ในความหมายของคำว่าผู้ใดต้องได้รับอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าตามความในมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ทุกกรณี
ทั้งนี้ การดำเนินการขออนุญาตต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงการอนุญาตให้ศึกษาวิจัย หรือ ส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า พ.ศ.2559
ซึ่งผู้อนุญาตตามกฎกระทรวงดังกล่าว คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย ซึ่งได้มีการมอบหมายให้อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเป็นผู้อนุญาตในส่วนกลาง และมอบหมายนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้อนุญาตในเขตพื้นที่แต่ละจังหวัดที่รับผิดชอบ
ในการนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎมหายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระทรวงสาธารณสุข ขอแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับบุคคลหรือนิติบุคคลใดที่ไม่ดำเนินการตามมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ในกรณี ดังต่อไปนี้
- ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชา
- ไม่ขออนุญาตส่งออกกัญชา
- ไม่ขออนุญาตจำหน่ายกัญชา
- ไม่ขออนุญาตแปรรูปกัญชาเพื่อการค้า
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสมุนไพรและการใช้ประโยชน์พืชกัญชาทางการแพทย์ และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565
ทั้งนี้ตามบทบัญญัติในมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 แปรรูป หมายความว่า การปรุงแต่งหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพหรือคุณสมบัติของสมุนไพร
ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กรณีที่บุคคลหรือนิติบุคคลใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 46 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 หากพบกระทำผิดกรณีไม่ขออนุญาต ต้องดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรา 78 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 กำหนดว่า ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ