เผยมติ ป.ป.ช. เอกฉันท์ 9 เสียง ชี้มูลความผิด 'พิกิฏ ศรีชนะ ' เลขาฯ รมว.วธ. คดีส่งเสริมปลูกยางพารา ปี 49, 50 และ 51 สมัยเป็นรองนายก อบจ.ยโสธร ก่อนศาลฯ สั่งเพิกถอนหมายจับ- ด้าน 'อิทธิพล คุณปลื้ม' เพิ่งทราบข่าว ขอตรวจสอบรายละเอียดข้อกม.ก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก กรณี นายพิกิฏ ศรีชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญาในคดีกล่าวหาทุจริตโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา ปี 2549 , 2550 และ 2551 เมื่อครั้งสมัยดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยโสธร ก่อนที่จะถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ออกหมายจับในเวลาต่อมา หลังจากไม่เดินทางมารายงานตัวพนักงานอัยการตามนัดหมาย
แต่ในเวลาต่อมา นายพิกิฏ ศรีชนะ ได้ทำหนังสือขอมอบตัวและขอความเป็นธรรมให้เพิกถอนการออกหมายจับ โดยอ้างติดภารกิจงานจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดที่รุนแรง โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้นัดคู่ความทั้งฝ่าย ป.ป.ช. ในฐานะผู้ร้อง และเลขานุการ รมว. รายนี้ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มาไต่สวนคำร้องก่อนจะอนุมัติให้มีการเพิกถอนหมายจับดังกล่าวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
- เลขานุการ รมว.ปริศนา! โดน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริต - ศาลฯ สั่งเพิกถอนหมายจับ
- วีระ สมความคิด : เพราะเขาเป็นเลขานุการ รมว.วัฒนธรรม ใช่หรือไม่?
- เปิดตัว 'พิกิฏ' เลขาฯ รมว.วธ. โดน ป.ป.ช.ชี้มูลคดีปลูกยาง - เจ้าตัวยังไม่ให้สัมภาษณ์
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกคดีนี้เพิ่มเติม พบว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราของ อบจ. ยโสธร จำนวน 3 ปี คือ ปี 2549 , 2550 และ 2551 มีผู้ถูกชี้มูลการกระทำความผิด 3 ราย คือ นายพิกิฏ ศรีชนะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.ยโสธร นายมนัส บังศรี เมื่อครั้งรักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองส่งเสริมคุณภาพชีวิต ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือก เกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา และนายเขศักดิ์ สุดสวาท อดีตสมาชิกสภา อบจ.ยโสธร ซึ่งมีความสนิทสนมกับนายพิกิฏ ศรีชนะ
@พิกิฏ ศรีชนะ
พฤติการณ์เป็นการนำกล้ายางไปแจกจ่ายให้กับญาติพรรคพวกที่เป็นฐานเสียงหรือหัวคะแนน ขณะที่นายพิกิฏ เป็นผู้ลงนามในหนังสืออนุมัติโครงการฯ แทน นายก อบจ.
โดยคดีนี้ ที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2564 มีมติเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียง แยกตามโครงการแต่ละปี ดังนี้
หนึ่ง. กรณีกล่าวหาว่า ทุจริตโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราของ อบจ.ยโสธร ในปีงบประมาณ 2549
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำของนายพิกิฏ ศรีชนะ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79
สำหรับนายมนัส บังศรี จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นายมนัส บังศรี ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สอง. กรณีกล่าวหาว่า ทุจริตโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราของ อบจ.ยโสธร ในปีงบประมาณ 2550
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำของนายพิกิฏ ศรีชนะ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติการ ตามอำนาจหน้าที่ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79
สาม. กรณีกล่าวหาว่า ทุจริตโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราของ อบจ. ยโสธร ในปีงบประมาณ 2551
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นายพิกิฏ ศรีชนะ และนายมนัส บังศรี ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีกล่าวหานายมนัส บังศรี ทุจริตโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ในปีงบประมาณ 2550 นั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า อบจ.ยโสธร ได้มีคำสั่งที่ 59/2550 ลงวันที่ 23 มกราคม 2550 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา
โดยนายมนัส บังศรี ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมและเลขานุการ แต่กลับไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวนั้นให้กรรมการรายอื่น ๆ ทราบ จึงทำให้กรรมการอื่นมิได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่ง และมิได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราแต่อย่างใด เป็นเหตุให้นายพิกิฏ ศรีชนะ สามารถกำหนดบุคคลและจำนวนกล้ายางที่มอบให้แต่ละคนด้วยตนเอง
จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายมนัส บังศรี ได้กระทำการอันมีมูลความผิดอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาในทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำของนายมนัส บังศรี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล โดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ และฐานไม่รักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใด ๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการ อบจ.ยโสธร เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 31 มกราคม 2545 ข้อ 3 วรรคหนึ่ง ข้อ 6 วรรคหนึ่ง และข้อ 19 วรรคหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายเขศักดิ์ สุดสวาท สมาชิกสภา อบจ.ยโสธร ซึ่งเป็นพรรคพวกทางการเมือง และสนิทสนมกับนายพิกิฏ ศรีชนะ นั้น นายพิกิฏ ศรีชนะ ได้สั่งให้ศูนย์ส่งเสริมการปลูกป่า 6 (ยโสธร) มอบกล้ายางพารา ให้นายเขศักดิ์ สุดสวาท เป็นจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับรายอื่น ๆ ที่ได้รับ และยังปรากฏว่ามีญาติของ นายเขศักดิ์ สุดสวาท ได้รับต้นพันธุ์กล้ายางพาราด้วย จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้ง หรือถอดถอน ดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจกับบุคคลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 64 ต่อไป
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษากับนายพิกิฏ ศรีชนะ ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย กับนายมนัส บังศรี และส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายพิกิฏ ศรีชนะ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91(1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป
พร้อม ให้ผู้มีอำนาจ แต่งตั้งถอดถอน นายพิกิฏ ศรีชนะ พิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้ใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 98 โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรงตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0804.3/ว 711 ลงวันที่ 7 เมษายน 2564 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานยืนยันเป็นทางการว่า กระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาดำเนินการถอดถอน นายพิกิฏ ศรีชนะ ออกจากตำแหน่งรองนายกอบจ.ยโสธร ย้อนหลังตามมติ ป.ป.ช. ไปแล้วหรือไม่
ขณะที่คดีในส่วนการกระทำความผิดตามมาตรา 157 และ มาตรา 152 ได้หมดอายุความไปแล้ว ก่อนที่ นายพิกิฏ ศรีชนะ จะขอเข้ามอบตัว เหลือแค่คดีตามมาตรา 151 ที่ยังไม่ขาดอายุความ
อนึ่ง เกี่ยวกับการชี้มูลความผิดคดีกล่าวหาทุจริตของ นายพิกิฏ ศรีชนะ รวมไปถึง นายมนัส บังศรี นายเขศักดิ์ สุดสวาท ยังต้องมีการต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลอีก
ปัจจุบัน นายพิกิฏ ศรีชนะ นายมนัส บังศรี นายเขศักดิ์ สุดสวาท จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อิทธิพล คุณปลื้ม
ขณะที่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศรา ว่า เพิ่งทราบเรื่องเกี่ยวกับนายพิกิฏจากข่าวที่นำเสนอ และยังไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดมาจากนายพิกิฏแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายอิทธิพล ตอบว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเสียก่อน
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับรายงานปัญหาการฟ้องร้องคดีนี้เป็นทางการแล้ว และจะมีการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ พิจารณาเป็นทางการต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage