"...ในการทำหนังสือขอความเป็นธรรมครั้งล่าสุดดังกล่าว เลขานุการ รมว. รายนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี แต่อย่างใด มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงานที่มั่งคงชัดเจน สามารถตรวจสอบติดตามตัวได้ตลอดเวลา แต่ยังติดราชการในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแห่งหนึ่ง และเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก..."
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแห่งหนึ่งในรัฐบาลชุดนี้
ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญาในคดีทุจริต เมื่อครั้งสมัยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในจังหวัดยโสธร ก่อนที่จะถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ออกหมายจับในเวลาต่อมา หลังจากไม่เดินทางมารายงานตัวพนักงานอัยการตามนัดหมาย
ล่าสุด เลขานุการ รมว.กระทรวงรายนี้ ได้ทำหนังสือขอมอบตัวและขอความเป็นธรรมให้เพิกถอนการออกหมายจับ โดยอ้างติดภารกิจงานจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดที่รุนแรง โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้นัดคู่ความทั้งฝ่าย ป.ป.ช. ในฐานะผู้ร้อง และเลขานุการ รมว. รายนี้ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มาไต่สวนคำร้องก่อนจะอนุมัติให้มีการเพิกถอนหมายจับดังกล่าวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยขึ้น
เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ว่า ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 ได้ทำหนังสือแจ้งให้ สำนักงาน ป.ป.ช. รับทราบ
กรณี ผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหนึ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือขอมอบตัวและขอให้พิจารณาเพิกถอนหมายจับ หลังจากถูก สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยโสธร ได้ดำเนินการร้องขอต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 เพื่อให้ออกหมายจับ เนื่องจากไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามกำหนด และศาลได้ออกหมายจับในเวลาต่อมา
โดยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรายนี้ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาในคดีทุจริตเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แห่งหนึ่ง ในจังหวัดยโสธร
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ยืนยันว่า เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรายนี้ ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม มาตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. 2564 และ ส.ค. 2564 จำนวน 2 ครั้ง
โดยชี้แจงว่า ได้รับหนังสือให้ไปรายงานตัวในระยะเวลากระชั้นชิด และต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการที่กรุงเทพมหานคร เป็นหลัก
อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่กรุงเทพมหานคร มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ อันเป็นพื้นที่ควบคุมและเข้มงวดสูงสุดตามมาตรการของรัฐเพื่อมารายงานตัวได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ ยังได้มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนคำสั่งฟ้องคดี และพิจารณสั่งเลื่อนการส่งฟ้องคดีออกไปก่อน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ ได้ยื่นหนังสือขอมอบตัวและขอให้พิจารณาเพิกถอนหมายจับดังกล่าว โดยยืนยันว่า จะมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการเดือนละหนึ่งครั้ง จนกว่าจะได้รับทราบผลการพิจารณากรณีร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดดังกล่าว
“ในการทำหนังสือขอความเป็นธรรมครั้งล่าสุดดังกล่าว เลขานุการ รมว. รายนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี แต่อย่างใด มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงานที่มั่งคงชัดเจน สามารถตรวจสอบติดตามตัวได้ตลอดเวลา แต่ยังติดราชการในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแห่งหนึ่ง และเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก” แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่แหล่งข่าวจาก สำนักงาน ป.ป.ช. ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า เกี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้อนุมัติออกหมาบจับเลขานุการ รมว. รายนี้ ตามข้อกล่าวหาของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ระบุว่ากระทำความผิดฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 152 , 157 ประกอบมาตรา 91
โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้นัดคู่ความทั้งฝ่าย ป.ป.ช. ในฐานะผู้ร้อง และ รมว. รายนี้ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา เพื่อไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนหมายจับดังกล่าว
ก่อนที่ศาลฯ จะมีคำวินิจฉัยให้ เพิกถอนหมายจับ เลขานุการ รมว. รายนี้ หลังพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามอบตัว ต่อพนักงานอัยการด้วยตัวเอง ทั้งมีที่อยู่และหน้าที่การงานเป็นหลักแหล่ง กรณีจึงไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนี
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการชี้มูลความผิดทางอาญา เลขานุการ รมว. รายนี้ เมื่อครั้งสมัยเป็นผู้บริหาร อปท. แห่งหนึ่ง ในจังหวัดยโสธร ในส่วนของคดีตามมาตรา 157 และ มาตรา 152 ได้หมดอายุความไปแล้ว ก่อนที่ เลขานุการ รมว. รายนี้ จะขอเข้ามอบตัว แต่ในส่วนคดีตามมาตรา 151 นั้น ยังไม่ขาดอายุความ
ส่วน เลขานุการ รมว. รายนี้ เป็นใคร? กระทรวงอะไร?
สำนักข่าวอิศรา อยู่ระหว่างติดต่อขอสัมภาษณ์ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และการเตรียมพร้อมในการต่อสู้คดีเป็นทางการอีกครั้ง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage