‘พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล’ ผบช.ก. แจ้งความเพจเฟซบุ๊ก ‘สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ’ หมิ่นประมาท-แพร่ข้อความอันเป็นเท็จ หลังโพสต์เอกสารลับรายงานจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด พาดพิง ‘บิ๊ก ตร.’
..........................................
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) มอบหมายให้ พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ โตอดิเทพย์ ในฐานะคณะทำงานป้องกันยุทธการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะทาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาแจ้งความกับ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม และ พ.ต.ต.พุฒินันท์ นาสุวรรณ สารวัตรสอบสวน กองกำกับการ 2 กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีเพจเฟซบุ๊ก ‘สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ’ ในฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังเผยแพร่ข่าวและภาพพร้อมข้อความอันเป็นเท็จ โดยมีการนำเอกสารหลักฐานมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวน
พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเพจดังกล่าวโพสต์หนังสือราชการลงนามโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นคำสั่งให้รายงานชี้แจงกรณีการจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมยาไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.ตาก เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2562 หนังสือดังกล่าวมีการระบุว่า ผู้ต้องหาให้การซัดทอดไปถึงทหารและนายตำรวจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ด้วย พร้อมระบุว่า กรณีดังกล่าวพนักงานสอบสวนไม่ขยายผล เเต่เร่งสรุปสำนวนคดีให้อัยการสั่งฟ้อง ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เองก็ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับพนักงานสอบสวนรายนี้ จากกรณีที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ มีรายชื่อถูกพาดพิงถึงตามคำสั่งนี้ เเละเพจนี้ก็นำหนังสือคำสั่งดังกล่าวซึ่งเป็นความลับทางราชการมาเผยเเพร่ อีกทั้งนำภาพของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ มาประกอบ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เเละเสื่อมเสียชื่อเสียงว่าเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด
พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ กล่าวอีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มอบอำนาจให้มาแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กับผู้โพสต์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเพจเฟซบุ๊กชื่อ สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ ที่นำภาพ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ มาเผยแพร่คู่กับข้อความและหนังสือราชการที่มีเนื้อหาไม่เป็นความจริง เนื่องจากกรณีนี้ บช.ภ.6 มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวไปแล้วบางส่วน ซึ่ง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหาแต่อย่างใด จึงถือเป็นการกระทำเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง
“หนังสือราชการเป็นของจริง แต่จะให้ตรวจสอบว่าหนังสือดังกล่าวมีที่มาอย่างไร และมีการนำมาเผยแพร่ได้อย่างไร เนื่องจากหนังสือราชการเป็นเอกสารลับไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ เบื้องต้นได้รับมอบอำนาจให้มาแจ้งความเอาผิดเพจนี้เพียงเพจเดียว รวมทั้งให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการสืบสวนหาที่มาว่าเอกสารดังกล่าวมีการเผยแพร่ได้อย่างไร และมีผู้ที่ใดเกี่ยวข้อง และเป็นผู้โพสต์ หากพบมีการหมิ่นประมาทในลักษณะเช่นนี้ก็อาจจะต้องมีการดำเนินคดีเพิ่มเติม” พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้มีการโพสต์ภาพและข้อความจำนวน 2 โพสต์ โดยโพสต์แรก ได้มีการนำรูปภาพของทาง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ และ พ.ต.อ.เอกราษฏร์ อินต๊ะสืบ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมข้อความระบุว่าสองตำรวจระดับสูง เกี่ยวข้องคดีขนยาไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ภูธรภาค 6 เสนอรายชื่อให้ สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน แต่สำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการไปแล้ว โดยไม่มีการสอบสวนใด ๆ และอีกโพสต์ได้มีการนำหนังสือราชการมาเผยแพร่
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ พร้อมรับเรื่องไว้ตรวจสอบ โดยขั้นตอนจากนี้จะเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน พร้อมกันนี้จะดำเนินการสืบสวนถึงการได้มาของหนังสือราชการจากเพจดังกล่าว รวมทั้งมีใครเป็นเจ้าของและใครเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว โดยอาจจะต้องออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุชาติ ในฐานะเจ้าของเอกสารมาสอบสวนด้วย ว่าเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นเอกสารลับหลุดรั่วออกมาได้อย่างไร
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ถึงกรณีการลงนามในหนังสือดังกล่าว โดย พล.ต.อ.สุชาติ ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมระบุเพียงสั้น ๆ ว่า กรณีดังกล่าวให้สอบถามผ่านทางทีมงานโฆษกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น
รายงานข่าวจาก ตร. แจ้งว่า กรณีนี้เป็นที่วิจารณ์กันในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า กำลังเกิดความขัดแย้งกันระหว่างสองนายพลตำรวจ เนื่องจาก พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เดินทางไปในที่เกิดเหตุการณ์จับกุมมือปืนยิงตำรวจ เหตุเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี และชุดสืบสวนของ กองบังคับการตำรวจสืบสวนภูธรภาค 7 และกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามไปจับได้ที่ จ.ชลบุรี การเดินทางไปที่เกิดเหตุในวันนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับนายตำรวจใหญ่ที่คุมงานสืบสวนของ ตร. อย่างมาก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/